วันอังคาร ที่ 23 กรกฎาคม 2567 รัฐสภา กรุงเทพ
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับ การปล่อยข่าว และภาพข่าวเกี่ยวกับตนเอง ที่ปรากฏในสื่อสารมวลชน ทั้งทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และเพจต่างๆ นั้น
“ผมอยากเรียนให้ พี่น้องนักข่าว นักสื่อมวลชน ได้รับทราบว่า ให้พี่น้องนักข่าว สื่อมวลชน ตระหนักถึง จรรยาบรรณ มรรยาท ของการเป็นผู้สื่อข่าว สื่อสารมวลชนที่ดี ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือ ของกลุ่มคน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือคนที่ไม่หวังดี ส่วนตนนั้นยังเชื่อมั่นว่า คุณสมบัติการเป็นสมาชิกวุฒิสภาของตนเองนั้น มีคุณสมบัติที่ตรง และถูกต้อง มิได้จับฉลากได้มาแต่ประการใด
เพราะก่อนที่ตนเอง จะลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ได้ปรึกษากับทีมงานทนายความว่า ตนเองนั้น จะมีปัญหาติดขัดหรือขาดคุณสมบัติที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดหรือไม่ ซึ่งทางทีมทนายก็แจ้งว่าไม่ขัดแต่ประการใด ถึงตอนนี้ตนก็ต้องปล่อยให้ ทางคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต. ) ทำงานไปทั้งนี้ ต้องเคารพและเชื่อมั่น ในการทำหน้าที่ อย่างเป็นกลาง บริสุทธิ์ยุติธรรม และตรงไปตรงมา ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ตัวผมเองนั้น อาชีพแรกตั้งแต่ยังไม่จบการศึกษา คือการเป็นผู้สื่อข่าวฝึกหัด ยังเดินตามรุ่นพี่นักข่าว ยังโหนรถเมล์ไปทำข่าว ยังเบิกกล้องกองกลางไปทำข่าว ตามสถานที่ต่างๆ แล้วแต่รุ่นพี่จะพิจารณา เริ่มเขียนข่าวเอง ส่งให้รุ่นพี่ ส่งให้หัวหน้ากอง ได้ลงข่าวบ้าง ลงถังขยะบ้าง ก็ต้องทน ก็เรามาสายนี้แล้ว เก็บเกี่ยวประสบการณ์จนได้ขยับมาเป็นผู้สื่อข่าวเต็มตัว เป็นหัวหน้าข่าวธุรกิจ ,หัวหน้ากองบรรณาธิการ จนกระทั่งมาเป็นบรรณาธิการ และเป็นผู้ก่อตั้ง หนังสือพิมพ์หลายหัว จนถึง หนังสือพิมพ์ 5 เหล่า ปัจจุบัน โดยอาศัย รุ่นพี่ ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอน และให้ตระหนักถึงจรรยาบรรณ ของการที่เป็นผู้สื่อข่าว เป็น สื่อสารมวลชน ที่ดี ไม่ไปเขียนข่าว ที่ไปทำร้ายใคร ตรงไป ตรงมา ไม่รับเงินรับทอง มาให้เขียนข่าวใส่ร้ายป้ายสี หรือทำร้ายคู่แข่งทางธุรกิจ ทางการเมือง ไม่ตกเป็นเครื่องมือ ของกลุ่มคน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ฉะนั้นจึงอยากจะวิงวอนให้ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ พี่น้อง นักข่าว สื่อสารมวลชน ตระหนักถึง มารยาทและจรรยาบรรณรวมทั้งหน้าที่ในการทำงาน ที่ตรงไปตรงมา พร้อมทั้งการนำเสนอข่าว ที่ใช้เหตุและผล ใช้วิจารณญาณ อย่าพึ่งไปด่วนสรุป พิพากษา หรือทำตัวเป็นผู้พิพากษา ตัดสินคนนั้น คนนี้ คนอื่น ให้สังคมสับสน โดยที่ ไม่ทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง พร้อมทั้งขอโอกาสให้ผม ในการทำงาน ในการทำหน้าที่ ในฐานะ สมาชิกวุฒิสภา ด้านสื่อสารมวลชน เพื่อชาติบ้านเมือง
ถ้าเรามัวแต่ทะเลาะเบาะแว้งหรือตกเป็นเครื่องมือ ของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นอกจากจะไม่พัฒนาตัวเองแล้ว ยังอยู่กับที่ และวังวนเดิมๆ นักข่าว หรือสื่อสารมวลชน ถือเป็นหน้าที่ ที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี อย่าให้ผู้ใดมาย่ำยีศักดิ์ศรีของเราครับผมจะพยามเข้าไปทำหน้าที่และยกระดับพี่น้องสื่อมวลชนให้เป็นที่นับหน้าถือตา เป็นที่เชื่อถือของสังคมครับ “