หนุ่มพิการสู้ชีวิต ไม่ขอท้อต่อโชคชะตา ขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ตระเวนขายนมเปรี้ยวในตัวเมืองลพบุรี
หาเลี้ยงตัวเอง เศร้าพ่อและแม่เสียชีวิตหมด อยู่แต่ลำพังคนเดียวตัวเองยังไม่มีครอบครัว ไม่มีครอบครัวเพราะเอามาจะกินอะไร
เมื่อวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวพบ มีหนุ่มพิการโปลิโอโดยกำหนด ได้ประกอบอาชีพขายนมเปรี้ยวตามบริเวณชุมชนในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี เพื่อหาเลี้ยงตนเอง ครอบครัว พ่อและแม่เสียชีวิตไปหมดแล้ว ไม่มีพี่น้อง อยู่แต่ตัวลำพังคนเดียวตนเองยังไม่มีครอบครัว กลัวมีแล้วจะเลี้ยงเขาไม่ได้ ยอมรับบางวันอาจจะมีท้อบ้าง แต่ไม่ขอถอย เพื่อหารายได้เลี้ยงตนเอง หวังส่งต่อเรื่องของตนเองเพื่อเพิ่มแรงฮึดให้คนที่กำลังท้อแท้ในชีวิต ให้มีกำลังใจลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ซึ่งหนุ่มพิการหัวใจนักสู้ ออกตระเวนขายนมเปรี้ยว มีรถคู่ใจมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างออกตะเวนขายนมเปรี้ยวเลี้ยงตนเอง ในบริเวณถนนข้างรั้วโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จึงได้สอบถาม หนุ่มพิการหัวใจนักสู้ ได้เล่าว่า ตนเองพิการโปลีโอ มีความพิการมาแต่กำเนิด ได้ชื่อภายหลังว่า นายธนู พรมมาก อายุ 52 ปี และพ่อแม่ผมเสียหมด เสียตั้งแต่ตอนผมเด็กๆ ครับผมก็ไปอยู่กับพี่สาว แล้วพี่เขยบอกว่า
ได้สร้างภาระให้กับครอบครัวของพี่สาว ผมจึงน้อยใจตัวเองจึงออกจากบ้าน แล้วเพื่อนก็เล่าให้ผู้จัดการจำหน่ายนมฟังผู้จัดการต้องการส่งเสริมอาชีพให้กับผมเลยให้ เพื่อนไปรับผมที่ราชบุรี เมื่อก่อนผมใช้รถเข็น ใส่ถาดนม ออกขายไปตามตลาด และตามโต้รุ่ง ผมจะออกมาขายช่วงเวลา ช่วงเย็นประมาณ 3 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน
และช่วงเช้าจะขายตั้งแต่เช้าจน ถึง 10:00 น ซึ่งจะวนขายไปทั่วตัวเมืองลพบุรีไปตลาดนัดคลองถม พื้นที่ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง ตลาดป่าหวาย ตำบลป่าตาล อำเภอเมือง ขายตามหน้าโรงเรียนต่างๆในพื้นที่จังหวัดลพบุรี
และปัจจุบัน ตัวผมนั้นพักอยู่ที่ข้างวัดสิงหล ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี มีคนใจบุญให้ผมอยู่ฟรีอยู่ที่กระต๊อบกลางทุ่งนา ผมขายนมเปรี้ยวมาหลายปีแล้วครับ ตัวเองไม่มีครอบครัว อยู่คนเดียว หากินไปวันๆ ไม่อยากมีครอบครัวเพราะไม่อยากให้เขามาลำบากกับตัวเอง และตัวเองยังเลี้ยงตัวไม่รอดเลย จะไปเช่าห้องก็ไม่มีตังค์ไปเช่าห้องเลย หาเช้ากินค่ำไปวันๆ ซึ่งตนเองจะสู้สู้ไปจนกว่าจะไปไม่ไหว ตอนนี้ก็มีท้อบ้างนะ ที่ท้อเพราะว่าขายนมเปรี้ยวไม่ค่อยดี เพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนซื้อนมน้อยลง
เมื่อก่อนช่วงโควิดขายนมเปรี้ยวได้ดีมากเนื่องจากมีผู้พบเห็นนำไปลงโซเชียล ทำให้ขายนมเปรี้ยวได้ประมาณ 8,000-9,000 ต่อวัน แต่ในปัจจุบันนี้ขายได้แค่1,200 บาท บางวันก็ขายไม่ถึง 1,000 ก็มีได้วันละ 200-300 บาท กำไรนั้นก็น้อย โดยขายชุดละ 100 บาท
โดยตัวเองนั้นท้อนานไม่ได้ เพราะไม่อยากเป็นภาระให้คนรอบข้าง จึงตั้งสติทำกิน พยายามยืนหยัดด้วยลำแข้ง ไปรับนมเปรี้ยว มาขาย ขี่ตระเวนไปหลายที่ ก็ยังไม่วายถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้ามาซื้อก็น้อยลงไม่เหมือนเมื่อก่อน ใครเห็นก็มาอุดหนุนกันชุดละ 100 บาทเท่านั้นไม่แพง เห็นเขาขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างก็โบกไม้โบกมือเรียกมาซื้อกันได้ คนละไม้คนละมือช่วยเขายืนหยัดด้วยตนเองได้ไม่ต้องไปพึ่งใคร ซึ่งในแต่ละวันต้องตระเวนขี่รถหลายชั่วโมงกว่าจะได้พัก แล้วยังต้องมาสู้กับความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน บางวันก็ไม่ได้ทานข้าวเย็นต้องอดทน เป็นบางวันที่ขายของไม่ได้ ก็ปลุกใจตัวเองให้ลุกขึ้นสู้
///////
นันท์นภัส ลิ้มนุสนธิ์
ผู้อำนวยการ ศูนย์ข่าวภาคกลาง
หนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ