หลังออกจาก รพ.ตำรวจ ชั้น 14 คืนสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า “ทักษิณ ชินวัตร” หวนกลับคืนสู่ถนนสายการเมืองเต็มรูป ตกผลึกว่ายุทธศาสตร์แรกที่จะเอาชนะ “พรรคก้าวไกล” ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คือการระดม “บ้านใหญ่” ที่กระจัดกระจายในจังหวัดต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว
ยุทธศาสตร์นี้ มาพร้อมกับการเมืองธนกิจที่ใช้เงินเป็นปัจจัยหลักแบบเต็มรูป ขณะที่สภาพสังคมไทยวันนี้ เปลี่ยนไปจากการเลือกตั้งในยุคก่อนสิ้นเชิง ทั้งหมดตรงข้ามกับพลังสีส้มที่คว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พวกเขาไม่พึ่งพิง “บ้านใหญ่” หลังใด และไม่ได้ใช้เงินมากในการเลือกตั้ง อุดมการณ์นำพาพลังสีส้มเอาชนะบ้านใหญ่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ
“ทักษิณ ชินวัตร” เริ่มเดินสายหัวเมืองสำคัญ เพื่อรวม “บ้านใหญ่” ทุกหลังมาอยู่ใต้เพื่อไทย เริ่มที่ “โคราช” ซึ่งมี “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” คอยเดินตามไม่ห่างกาย ซึ่ง “ทักษิณ” ประกาศเชิญชวน “สุวัจน์” กลับสู่พรรคเพื่อไทย นี่ไม่ใช่เพียงการส่งเทียบเชิญให้ตระกูลลิปตพัลลภกลับพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการชวนสุวัจน์มาร่วมเป็นหุ้นส่วนทางการเมืองคนสำคัญ เช่นเดียวกับการเดินสายยัง “ปริมณฑล” รอบกรุงเทพฯ ที่เพื่อไทยแพ้หนักมากในการเลือกตั้งครั้งก่อน
“ทักษิณ” เลือกเดินสายไปยัง “ปทุมธานี” ขึ้นปราศรัยในงานบวชต่อหน้าคนหลักหมื่น ประกาศเชิญชวนคนเสื้อแดงกลับสู่พรรคเพื่อไทย “ผมกลับมาแล้ว พี่น้องชาวเสื้อแดงก็ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันนะ” “ทักษิณ” หมายตาใช้ “อบจ.ปทุมธานี” เป็นจุดเริ่มต้นบททดสอบว่ายุทธศาสตร์รวมบ้านใหญ่ใต้เพื่อไทยจะทำงานหรือไม่?
ขณะที่ก่อนหน้านั้น เขานัดหมายบ้านใหญ่หลายหลังในจังหวัดปทุมธานี ไปพบปะที่โครงการเรนจ์วูดปาร์ค ลำลูกกา คลอง 11 เพื่อร่วมกันสนับสนุน “ลุงชาญ” เป็นนายก อบจ. ปทุมธานี ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ยังไปงานวันเกิดของบ้านใหญ่ นนทบุรี พร้อมประกาศในทำนองเก้าอี้ที่เสียไป จะทวงคืนเมื่อการเลือกตั้งครั้งใหม่มาถึง
วันนี้ “ทักษิณ” จึงมีแนวโน้มเคลื่อนการเมืองแบบชนิด “กินรวบประเทศไทย” เพราะวันนี้ รัฐบาลอยู่ในมือแล้ว กระทรวงสำคัญอยู่ในมือแล้ว พรรคการเมืองบางพรรคก็จะแตก และ ส.ส. จะไหลสู่เพื่อไทยอีกนับสิบ สนาม ส.ว. ก็ส่งน้องเขย “นายกฯ สมชาย” ลงสู่สนาม ซึ่งคนการเมืองประเมินว่า งานนี้มีถึงขั้นเป็นประธานวุฒิสภาฯ ขณะที่การเยือนปทุมธานี มีเป้าหมายชัดเพื่อยึดสนามท้องถิ่นกลับคืน
“อบจ.ปทุมธานี” เป็น “โดมิโนแรก” ที่จะทดสอบว่ายุทธศาสตร์ที่คิดอ่านกันในฝ่าย “ทักษิณ” จะสำเร็จเป็นจริงหรือไม่? เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 จบลง ทุกฝ่ายประเมินตรงกันว่า พลังบ้านใหญ่หมดแล้ว! แต่หากการเลือกตั้งในปทุมธานี ชัยชนะตกเป็นของ “ลุงชาญ” ก็สะท้อนชัดว่าสิ่งที่เป็นข้อสรุปในปี 2562 ผิดคาดสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ผลโพลนิด้าที่ออกมาก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้าสองสัปดาห์ พบว่าร้อยละ 81.91 ระบุว่า การเดินทางของทักษิณไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเลือกนายก อบจ.ปทุมธานี การเลือกตั้ง อบจ. ปทุมธานี จึงสำคัญ เพราะจะเป็น “โดมิโน” ชิ้นแรก ที่จะหนุนหรือหยุดยุทธศาสตร์กินรวบประเทศไทย! ทว่าวันนี้ประชาชนคือผู้ตัดสิน.
ภาพ/ข่าว สมาคมนักข่าวปทุมธานี