พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ “ผู้การจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุด “สารวัตรแจ๊ะ” พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 สืบนครบาล ผจญภัยชายแดนบูรพา ก่อนรวบ “บู๊” พี่เมีย “แจ๊ส” โดยรวบได้ที่ริมชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ระหว่างจับกุมบู๊ยังไม่สลด แจ้งว่า “ดีแล้วที่มาจับผม ไม่งั้นสัปดาห์หน้าผมจะกลับไปยิงมัน” ด้านผู้การจ๋อกล่าวว่า “ไม่ขอรับรางวัล เป็นหน้าที่ สัมผัสได้ถึงความทุกข์ใจของครอบครัวผู้เสียหาย”
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จ.สระแก้ว,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สส.ภ.จ.สระแก้ว,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2ฯ ปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.,ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น.,ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.,ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง,ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯ ปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.,เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. (สืบนครบาล),กก.สส.ภ.จ.สระแก้ว และ ตม.จ.สระแก้ว ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายภูมิพัฒน์ หรือบู๊ อายุ 41 ปี ภูมิลำเนา แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.458/2567 ลงวันที่ 26 มี.ค.2567 ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์”
ประวัติของนายภูมิพัฒน์ฯ หรือบู๊ ที่เคยถูกดำเนินคดี 8 คดีคือ
1.พ.ศ.2546–2548 ก่อเหตุหลายคดี “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธมีดโดยใช้ยานพาหนะ”,“ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ”,“ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธมีด โดยใช้ยานพาหนะ”,“ร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส”,“ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ (โทรมหญิง)” โดยทั้งหมดต่างกรรมต่างวาระกันแล้วได้ถูกศาลตัดสินให้จำคุก โดยทั้งหมดถูกจำคุกอยู่เป็นเวลา 9 ปีกว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2554 ถึงวันที่ 13 ก.ย.2563 ก็ได้รับการปล่อยตัว
2.วันที่ 9 ก.พ.2567 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทฯ” พื้นที่ สน.มีนบุรี
3.วันที่ 3 มี.ค.2567 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ” พื้นที่ สน.ลาดพร้าว
4.วันที่ 25 มี.ค.2567 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” พื้นที่ สน.มีนบุรี (คดีนี้)
พฤติการณ์กล่าวคือ เรื่องราวมหากาพย์ของ นายภูมิพัฒน์ฯ หรือบู๊ ที่ก่อเหตุขโมยทรัพย์สินของนักแสดงชื่อดัง (แจ๊ส ชวนชื่น) และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ออกหมายจับ โดยเจ้าตัวไม่ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ยังคงหลบหนีและโพสข้อความเฟสบุ๊ค และไลฟ์สด ตอบโต้ ยั่วยุ คุกคาม ฝ่ายผู้เสียหายจนกลายเป็นเรื่องบานปลายตามที่เป็นกระแสสังคมในตอนนี้ เรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เพราะได้เข้าไปรับชมไลฟ์สดของบู๊ มีการกล่าวท้าทายมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ อันเป็นการแสดงถึงความไม่เกรงกลัวกฎหมาย “เพื่อมิให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง” จึงส่งชุด “สารวัตรแจ๊ะ ตะลุยชายแดนบูรพา” ตามคำเรียกร้องขอของประชาชนที่มาคอมเมนท์ในโลกโซเชียล โดยมีการบูรณาการสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สส.ภ.จ.สระแก้ว นำกำลัง สืบสวน จ.สระแก้ว และ ตม.จ.สระแก้ว ร่วมสืบสวนติดตาม แต่แล้วชุดสืบสวนก็ต้องพบว่าเป็น “งานสุดหิน” เพราะความยากจากสภาพแวดล้อม การติดตามแทบจะไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ยังถูกซ้ำด้วยสายข่าว “กลุ่มผี” ที่คอยรายงานทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้บู๊ทราบตลอดทำให้ชุดสืบสวนต้องตามหลังก้าวหนึ่งอยู่ร่ำไป เจ้าตัวเหมือนชอบใจโพสข้อความยั่วยุไล่ให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังไปจากพื้นที่ ความกดดันเริ่มถาโถมใส่ชุดสืบสวนหลังใช้เวลาหลายวันแล้วยังไม่เจอตัว
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ เปิดศึกชิงไหวชิงพริบสั่ง “ถอนกำลัง” ออกจากพื้นที่ “แสร้งล้มเลิกภารกิจ” ให้ตายใจก่อน “ทิ้งทุ่น” ทิ้งมือดียังคงแฝงตัววนเวียนอยู่ กระทั่งได้พบกลุ่มผีสายข่าวของบู๊ และได้สะกดรอยติดตามไปจนกระทั่งพบตัวเป็นๆ ช่วงชิงจังหวะนำกำลังปิดเกมได้ในที่สุด โดยสามารถจับกุมที่ จุดตรวจทหารพรานที่ 1201 ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในชั้นจับกุม นายภูมิพัฒน์ฯ หรือบู๊ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ในทางคดีตนไม่ได้เป็นคนขโมยเอารองเท้าไปตามที่ถูกแจ้งความ ตนเองโดนกลั่นแกล้งโดยใครบางคนเพราะตนเป็นคนชอบพูดตรงๆ แล้วตนเองก็เป็นคนที่ภาษีไม่ดีในวงเครือญาติ เพราะตนเองเคยก่อคดีร้ายแรงหลายคดี และจากความเกเรในสมัยก่อนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองหนีเก่งคาดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้ เลยพลั้งเผลอท้าทายเจ้าหน้าที่ไปหลายครั้ง จึงขอโทษที่ทำลงไป ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ยอมรับว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่มาจับกุม จะกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อชำระแค้นไอพวกนี้ให้หมด” หลังจับกุมตัวได้ นำตัว นายภูมิพัฒน์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เราไม่ขอรับรางวัลแต่อย่างใด เราทำตามหน้าที่ ที่ประชาชนต้องการที่พึ่งพิง แม้ท่าน (ผู้เสียหาย) จะเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่อีกมุมหนึ่งท่านก็คือประชาชนคนหนึ่ง เรารับรู้ความทุกข์ใจแล้วว่ามันมากเพียงใด และจากพฤติกรรมของผู้ต้องหามีลักษณะ คุกคาม ให้ร้ายกับฝ่ายผู้เสียหาย ซ้ำยังแสดงออกถึงความไม่เกรงกลัวและท้าทายกฎหมาย ถือเป็นภัยสังคม ต้องใช้มาตการขั้นเด็ดขาดเพื่อมิให้ใครเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”