เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.
พ.ต.อ.ภาวัต วรรธสุภัทร ผกก.สน.พระราชวัง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพศาล เดชกัลยา รอง ผกก.สส.สน.พระราชวัง พ.ต.ต.พลาวัสถ์ คนกล้า สว.สส.สน.พระราชวัง และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางสาวพรทิพย์ หรือทิพย์ คันธรักษ์ อายุ 55 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ จ.88/2567 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ฐานความผิดลักทรัพย์ โดยจับกุมได้บริเวณหน้าสะพานควาย คอนโดมิเนียม 41 ซอยประดิพัทธ์ 23 แขวงพญาไท เขตพญาไท กทม. เมื่อเวลา 08.30 น. ( 31 พ.ค. ) ที่ผ่านมา
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 ชาย สัญชาติเกาหลี ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.พระราชวัง หลังเข้าไปเที่ยวชมภายในวัดพระเชตุพนฯ และได้แขวนกระเป๋าสะพายไว้ที่รถเข็นเด็ก จากนั้นได้เดินไปถ่ายรูปที่บริเวณหน้าวิหานาคปรก เมื่อเดินกลับมาที่รถเข็นเด็ก พบว่ากระเป๋าสะพายได้หายไป
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง ได้ทำการสืบสวนมาโดยตลอด กระทั่งได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าพบบุคคลตามภาพของหมายจับของศาลแขวงดุสิต ที่ จ.88/2567 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ปรากฏตัวอยู่บริเวณหน้าสะพานควาย คอนโดมิเนียม 41 ซอย ประดิพัทธ์ 23 เขตพญาไท กรุงเทพฯ จึงนำกำลังเดินทางไปเฝ้าสังเกตุการณ์จนพบบุคคลลักษณะคล้ายบุคคลตามหมายจับตามตามที่รับแจ้ง ก่อนแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบ จนทราบชื่อนางสาวพรทิพย์ หรือทิพย์ คันธรักษ์ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง จากนั้นได้พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นหาเสื้อผ้าที่ให้ในวันก่อเหตุภายในห้องพักซอย ประดิพัทธ์ 23 พบของกลาง ชุดที่ใส่ก่อเหตุ วันที่ 25 มี.ค.67 และ วันที่ 24 พ.ค. 67 กระเป๋าสะพายข้างสีเทา ของผู้เสียหาย ผ้าคลุมศรีษะสำหรับมุสลิมมะห์ สีเทา กระเป๋าหนังสะพายข้าง สีน้ำตาล ของผู้เสียหายที่ก่อเหตุวันที่ 29 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานก่อนคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบถาม นางสาวพรทิพย์ หรือทิพย์ คันธรักษ์ ยอมรับว่าตนเองเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ ปี 2553 และก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยจะเดินไปตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นวัด สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ และที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ชอบมายืนถ่ายรูป ยืนรออาหาร นั่งชมวิว จากนั้นจะอาศัยจังหวะที่นักเที่ยว ไม่ได้สนใจทรัพย์สินของตนเอง และมุ่งไปกับความสวยงาม หรือบรรยากาศของสถานที่ที่ท่องเที่ยว แล้วเดินไปหยิบเอาทรัพย์สินหลบหนีออกมา เมื่อได้ทรัพย์สินมาก็จะเอาไปขายก่อนจำนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเก็บสะสมไว้ทุนเปิดร้านขายน้ำชากาแฟ
ที่ผ่านมาถูกจับกุมดำเนินคดีลักทรัพย์มาแล้ว 11 ครั้ง พื้นที่ สน.พญาไท ปี 53 , 55 พื้นที่ สน.ปทุมวัน ปี 57 2 ครั้ง ปี 58 พื้นที่ สน.บางซื่อ ปี 60 ลักทรัพย์ในสถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน พื้นที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และพื้นที่ สน.ปทุมวัน ปลายปี 60 พื้นที่สน.มีนบุรี ปี 66 พื้นที่สน.บางซื่อ 1 ครั้ง พื้นที่ สน.ปทุมวัน 1 ครั้ง ก่อนจะมาถูกสน.มีนบุรี จับข้อหาครอบครองยาเสพติด และพ้นโทษมาเมื่อเดือนมีนาคม 67 ก่อนกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนที่ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และมักจะเผลอเลอวางสิ่งของ กระเป๋า และทรัพย์สินอื่นๆเอาไว้แล้วไม่ทันระวัง อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้