วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.30 น. พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ. บรรจง อมฤทธิ์ , พ.ต.อ. กฤตชัย ทองอยู่ , พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ , พ.ต.อ. ภัทรชัย กอสนาน ,พ.ต.อ. สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รองผู้บังคับการ ได้เร่งรัดสั่งการให้กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และทุกสถานีตำรวจภูธรในสังกัด สืบสวนหาข่าว ตั้งจุดตรวจค้นสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดให้โทษ ให้มีผลการปฏิบัติ โดยประสานการปฏิบัติกับ ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พลตรี วุทธยา จันทมาศ ผูับัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 นายสำรวย วรเตชะคงคา รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส.ภาค 7 และ พันตำรวจเอก สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 13 ร่วมกันบูรณาการกำลังในการปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 15.30 น.จากการสืบสวนหาข่าวของ พันตำรวจเอก มนตรี แตงโต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ทราบว่าจะมีรถยนต์ซุกซ่อนยาเสพติดผ่านเข้ามาในเขตพื้นที่ จึงได้บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ , ทหาร , ปกครอง , อาสาสมัครรักษาดินแดงตั้งจุดตรวจค้นร่วมความมั่งคงบริเวณสามแยกทองผาภูมิ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พบรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CRV สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียน 2ขธ-3276 กรุงเทพมหานคร เป้าหมายตามแหล่งข่าว แล่นมาจากทางอำเภอสังขละบุรี เข้ามาที่จุดตรวจค้น จึงได้เรียกให้หยุดและขอทำการขอตรวจค้น พบ นายสุพจน์ สุดสายใจ อายุ 26 ปี ที่อยู่ 29/1 ม.8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นขับขี่ มี นายศุภฤกษ์ คชฤทธิ์ อายุ 26 ปี ที่อยู่ 85/2 ม.3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นั่งคู่มาในตอนหน้า และมีนายมูฮะมัด ไม่มีชื่อสกุล อายุ 25 ปี ที่อยู่ 127 ม.9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นั่งในตอนหลัง จากการตรวจค้นพบ
1.ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 33 มัด ประมาณ 330,000 เม็ด
2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ ) จำนวน 2 กิโลกรัม
- ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 60 แท่ง ประมาณ 21 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในรถ โดยมีการปิดบังอำพรางซุกซ่อนในบานประตูรถ และ จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีการสวมทะเบียน จึงได้ยึดยาเสพติดให้โทษที่พบและรถยนต์เป็นของกลาง และจับกุมบุคคลทั้งสามเป็นผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์,เฮโรอีน) โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลถึงเจ้าของยา แหล่งจำหน่าย เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดึและตรวจสอบยึดทรัพย์ต่อไป.