เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ส.ต.ต.พิจักษณ์ ทองใสเกลี้ยง เข้าพบ และมอบพวงมาลัยเพื่อขอบคุณ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษา รมว.พลังงาน ที่ช่วยติดต่อประสานงาน ในกรณีที่ตนขาดคุณสมบัติ และเอกสารบางอย่าง ในการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เหล่าตำรวจ
ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “หลังจากประกาศผลรอบแรก ผมได้ไปรายงานตัวที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจทำการยื่นเอกสาร ตอนแรกคิดว่าอาจจะไม่มีอะไร จนคณะกรรมการที่ตรวจเอกสารพิจารณา แจ้งว่าต้องใช้เอกสารของพ่อแม่โดยกำเนิด ไม่ใช่เอกสารของพ่อแม่บุญธรรมที่เลี้ยงเรามา ผมก็เลยเริ่มกังวล ซึ่งตอนนั้นก็ยังตามหาแม่ไม่เจอ แต่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ของพ่อไม่ทราบว่าเป็นใคร และไม่ปรากฏในสูติบัตร และไม่รู้ว่าอยู่ไหน เลยได้โทรไปสอบถามแม่บุญธรรมต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งทางคุณแม่บุญธรรมได้คุยกับคณะกรรมการ คุณแม่บุญธรรมเกิดความกังวลใจเช่นกัน และได้โทรไปขอคำปรึกษากับอาจารย์ที่สอนติวผมมา ซึ่งได้หาทางและติดต่อขอความช่วยเหลือ เลยได้มารู้จักกับท่านวินัย” ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าว
ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าวต่ออีกว่า “เมื่อได้มีการประสานกับท่านวินัยฯ แล้ว ก็ได้เข้าพบท่าน และสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ท่านวินัยฯ แจ้งไปทางท่าน พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของผม ท่านไตรรงค์ฯ ก็ให้ผมเข้าพบ เมื่อท่านได้ทราบเรื่องก็ได้ประสานต่อไปยังท่าน ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ท่านรับรู้และให้การช่วยเหลือ โดยนำเรียนไปถึงท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ทราบ ท่านพีระพันธุ์ฯ ก็มีความเมตตาที่จะให้ความช่วยเหลือ ท่านรองนายกฯ ท่านดูแลเรื่องกระทรวงยุติธรรม และติดต่อไปทางกรมมราชทัณฑ์ และรับรองมา ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์”
ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าวเพิ่มว่า “จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าฝันไปหรือเปล่า รู้สึกซาบซึ้งใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดีหลายท่าน และยังให้กำลังใจในการเรียน ให้ตั้งใจเรียน จบออกมาเป็นตำรวจที่ดีรับใช้ประชาชน ทำหน้าที่ให้สุดความสามารถ ขอขอบคุณทุกท่านพร้อมให้คำมั่นสัญญา จะเป็นตำรวจที่ดี รับใช้ประชาชนอย่างที่ผมหวังเอาไว้ครับ”
ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไป ทางครอบครัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็อาจทำให้ขาดเอกสารแบบตน ซึ่งก็จะเป็นการปิดกั้นโอกาสเด็กรุ่นใหม่ในการเป็นทหาร ตำรวจ ทั้งนี้ ตนอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก เพราะมีความชอบ และมีญาติเป็นตำรวจด้วย จึงตั้งใจสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
ด้านนายพีระพันธุ์ฯ รับพวงมาลัย พร้อมกล่าวอวยพรและให้สัมภาษณ์ว่า ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ ได้มาขอความช่วยเหลือหลังจากที่เป็นนักเรียนนายสิบแล้ว ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ แต่ก็มาเกิดปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ตนจึงได้เชิญแม่ ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ มาพูดคุย และให้คนไปตรวจสอบในพื้นที่ ก็เชื่อได้ว่าพ่อ ของ ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ เป็นคนไทยแน่นอน มีตัวตนจริง เพียงแต่ตามตัวไม่เจอ แต่คนที่อยู่ในพื้นที่รู้จักดี จึงเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง และได้ให้หน่วยงานต่างๆ ไปช่วยดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง
“ก็ต้องขอบคุณอธิบดีกรมราชทัณฑ์ซึ่งเป็นต้นทาง ในการให้ข้อเท็จจริง รวมถึงรักษาการ ผบ.ตร. ที่ดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหน่วยงานต่างๆ ก็ให้ความเป็นธรรมที่ถูกต้อง จึงขอให้น้องประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดูแลประชาชน ตัวเองเคยผ่านเรื่องเดือดร้อนมาเยอะ วันนี้จะมีโอกาสดูแลคนอื่นแล้ว ก็ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
นายพีระพันธุ์ฯ กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าจากกรณีนี้ไม่จำเป็นจะต้องมีการแก้กฎหมายหรือกฎระเบียบ เพราะหน่วยต้นสังกัด คือตำรวจ ตรวจสอบหมดแล้ว