ลพบุรี สถานการณ์ภัยแล้ง เขื่อนป่าสักฯ ล่าสุดขณะนี้… เหลือน้ำอยู่เพียงร้อยละ 15 ของความจุ ขณะที่ ผอ.เขื่อนฯ ยืนยัน การบริหารจัดการน้ำยังคงเป็นไปตามแผน ไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำอุปโภคบริโภคแน่นอน ส่วนน้ำภาคการเกษตร ขอให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกไว้ก่อน รอจนกว่ากรมอุตุวิทยา จะประกาศเข้าสู่ฤดูฝน อย่างเป็นทางการ
………………………………………………………………………..
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งฝนตกน้อย ฝนทิ้งช่วง ทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบภัยแล้ง ไม่มีน้ำในการประกอบอาชีพทางการเกษตร บางพื้นที่ต้องมีมาตรการประหยัดน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ซึ่งล่าสุด…ผู้สื่อข่าว..ได้ลงพื้นที่ติดตามปริมาณน้ำ และข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำ ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งหากมองด้วยตาเปล่า และภาพถ่ายจากมุมสูง เหนือประตูระบายน้ำ ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บกักน้ำ 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา… จะเห็นว่า…ปริมาณน้ำที่เห็นนั้น..น่าเป็นห่วง อย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวล เนื่องจากระดับน้ำที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเที่ยบกับปี 2566 ที่ผ่านมา โดยในช่วงฤดูฝนปี 2566 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์สามารถเก็บกักน้ำ ได้ประมาณ 1,019 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 106 ของความจุอ่างฯ
ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะเป็นน้ำต้นทุน เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ตลอดช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น กว่า 6 เดือน (1 พฤศจิกายน 2566 – 30 เมษายน 2567) รวมไปถึงเป็นน้ำต้นทุน เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน กรณีที่เกิดฝนทิ้งช่วงหรือฝนยังตกไม่สม่ำเสมอ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศน์ การเกษตร การอุตสาหกรรม และอื่นๆ รวมปริมาณน้ำทั้งสิ้นกว่า 800 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากมีการใช้น้ำตลอดช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งสิ้นกว่า 6 เดือน ประกอบกับสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง จึงทำให้ปริมาณน้ำลดลงตามลำดับ
ขณะที่ นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวว่า… ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ประมาณ 148.40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณร้อยละ 15 ของความจุ โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงบริหารจัดการน้ำที่เหลืออยู่ในขณะนี้ ตามแผนที่กรมชลประทานกำหนด ซึ่งจะมีการปรับลดการระบายน้ำ จากเดิมวันละ 3.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้หลือวันละ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทำให้มีน้ำเพียงพอใช้ไปได้อีก 3-4 เดือน สำหรับเพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ เพื่อการอุปโภคบริโภค และบางส่วนพื้นเป็นการผลัดดันน้ำเค็ม และยังคงต้องขอความร่วมมือประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรช่วยกันประหยัดน้ำ และปลูกพื้นที่ใช้น้ำน้อย ส่วนพืชหลังที่ต้องใช้น้ำในปริมาณมาก ต้องขอให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกไว้ก่อน รอจนกว่ากรมอุตุวิทยา จะประกาศเข้าสู่ฤดูฝน อย่างเป็นทางการ เพื่อเก็บน้ำไว้สำหรับอุปโภค บริโภค และเพื่อความเสี่ยง ต่อความเสียหาย ในพื้นที่การเกษตรที่จะขาดน้ำ และส่งผลเสียต่อผลผลิตทางการเกษตร
ส่วนกรณี…..หากเกิดภาวะช่วงฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน จากนี้ไป หรือไม่เป็นไปตามแผน ที่วางไว้ ทางกรมชลประทาน ได้มีข้อตกลงและมีแผนประสานความร่วมมือกับ… กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ไว้อยู่แล้วเป็นประจำทุกปี เพื่อช่วยเหลือปฏิบัติการทำฝนหลวง ให้ตกในพื้นที่ของเกษตรกร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อนป่าสักฯ อีกด้วย
………………………………………………………………………….
นันท์นภัส ลิ้มนุสนธิ์
สมชาย เกตุฉาย
ศูนย์ข่าวภาคกลาง หนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ