สื่อต่างประเทศ รายงานเกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก นับตั้งแต่ผู้นำสหรัฐฯสั่งให้กองทัพระดมยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 59 ลูก โจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของซีเรีย เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่ผู้นำรัสเซีย
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญของการสนทนาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในซีเรีย โดย ทรัมป์ ตกลงจะส่งผู้แทนเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพครั้งใหม่ ที่กรุงอัสตานา ในคาซัคสถาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธนี้ และรัสเซียเป็นเจ้าภาพ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้ง “เขตปลอดภัย” เพื่อมนุษยธรรมอีกด้วย โดยผู้นำของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียยืดเยื้อ “นานเกินไปแล้ว” และต้องยุติโดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน ทรัมป์และปูตินยังสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี และเชื่อมั่นว่ากระบวนการเจรจาตามวิธีการทูตคือ แนวทางเหมาะสมที่สุด ในการคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างสหรัฐ กับ เกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังพูดคุยกันเกี่ยวกับการพบปะกันนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ “จี 20” ซึ่งจะมีขึ้นที่เมืองฮัมบวร์ก ของเยอรมนี ในช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ ด้วย
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของทำเนียบเครมลินระบุถึงการสนทนากับผู้นำสหรัฐในครั้งนี้เพียงว่า “เป็นไปอย่างสร้างสรรค์” และทั้งสองฝ่ายมีความมุ่งมั่นในกระบวนการสร้างสันติภาพระยะยาวในซีเรีย แต่ไม่ได้ระบุถึงแนวคิดการกำหนดเขตปลอดภัย