กองทัพเรือ แถลงชี้แจงปมซื้อเรือดำน้ำจีน ย้ำ เป็นความจำเป็นของประเทศไทย และอ่าวไทยไม่ได้ตื้น 50 เมตร เรือดำน้ำใหญ่กว่าก็เคยเข้ามา ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่เป็นภาระงบประเทศ
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 พล.ร.ท. พัชระ พุ่มพิเชฏฐ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดจ้างสร้างเรือดำน้ำในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล ได้ชี้แจงกรณีการซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class S26T จากประเทศจีน ในวงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ว่า การซื้อเรือดำน้ำนั้น ไม่ใช่ความต้องการของกองทัพเรือ แต่เป็นความจำเป็นของประเทศไทย และเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ เป็นหลักความมั่นคงทางทะเล อีกทั้งกองทัพเรือคิดมาอย่างเป็นระบบแล้ว ในการจัดหาเรือดำน้ำ
พล.ร.ท. พัชระ กล่าวต่อไปว่า กว่า 60 ปี ที่เทคโนโลยีเรือดำน้ำ ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทุกชาติล้วนจัดหาเรือดำน้ำมา เป็นอาวุธที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางทะเล ซึ่งที่ผ่านมาขีดความสามารถของกองทัพเรือนั้นเป็น 0 ในเรื่องนี้ ฉะนั้นการซื้อเรือดำน้ำจึงเป็นการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและเป็นการวางรากฐานของการทำสงครามใต้น้ำ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเรืออย่างเดียว แต่เป็นเรื่ององค์บุคคลและระบบสนับสนุนทั้งหมดด้วย
ฉะนั้นจึงขอให้คิดด้วยใจเป็นกลางและเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมีเรือดำน้ำ ทำไมรอบประเทศไทยจึงมีเรือดำน้ำกันเกือบหมด นอกจากนี้ ยืนยันว่าอ่าวไทยไม่ได้ตื้น ระยะ 50 เมตร จึงสามารถดำน้ำได้สบาย ๆ เรือดำน้ำที่ใหญ่กว่าก็เคยเข้ามาแล้วในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่กระทรวงกลาโหมจีน ยืนยันที่จะสนับสนุนด้านอาวุธที่มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการทางยุทธการและการฝึกเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก ส่วนขั้นตอนการจัดหาเป็นการใช้ระบบรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโปร่งใส ด้วยการชำระเงิน 13,500 ล้านบาท แบ่งผ่อนเป็นระยะเวลา 7 ปี เป็นงวด ๆ ตามความก้าวหน้าการสร้างเรือ งวดแรกชำระ 700 ล้านบาทในปี 2560 ส่วนปี 2561-2566 เฉลี่ยปีละ 2,100 ล้านบาท เงินจำนวนนี้ไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และไม่มีผลต่องบประมาณอื่นในกองทัพเรือ