จากกรณี นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งให้นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เข้ามาช่วยราชการที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นการชั่วคราว โดยให้นายสืบศักดิ์ รายงานตัวในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ซึ่งให้สาเหตุว่าเนื่องจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงยังสอบสวนไม่เสร็จ จึงต้องให้นายสืบศักดิ์ ซึ่งถูกกล่าวหาซื้อบริการ ออกจากพื้นที่ เพื่อความชัดเจนและเป็นธรรม และเพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายคลางแคลงใจ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการที่ลงไปสอบสวนได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในพื้นที่แล้ว แต่ได้รับข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้นเพราะทางกระทรวงมหาดไทยไม่สามารถเข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหายหรือพยานได้เพราะอยู่ในการคุ้มครองพยาน อย่างไรก็ตามตนได้พูดคุยกับนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เห็นว่าในสภาวะเช่นนี้ที่มีการกล่าวอ้างถึงผวจ.ซึ่งเป็นผู้บูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วนอาจจะทำให้การทำงานมีปัญหา และในทางคดีเองอาจจะทำให้เกิดความคลางแคลงใจ จึงได้ให้ผวจ.แม่ฮ่องสอนมาทำงานที่กระทรวงมหาดไทยก่อน และเมื่อข้อเท็จจริงออกมาเป็นอย่างไรจะได้ดำเนินการต่อไป
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ให้ดำเนินการต่อไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ในส่วนของข้อมูลต้องรอผลจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปดำเนินการทางคดีเพราะข้อมูลอื่นเช่นการกล่าวอ้างไม่สามารถใช้ดำเนินคดีได้ ต้องใช้ข้อมูลที่มีพยานหลักฐานในการดำเนินการ
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ภาคประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการกับเรื่องดังกล่าว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงต้องถามเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในการสอบสวนว่าสามารถทำได้หรือไม่ มาถามตน ตนไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะฟังความฝ่ายเดียวไม่ได้ จะต้องฟังความทั้งสองฝ่าย
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยว่า อย่างที่ทุกฝ่ายทราบกันดีว่าผลการสอบสวนยังไม่ออกมา แต่ตนกลับมีคำสั่งย้ายผู้ว่าแล้วนั้น ทั้งนี้ขอเรียนโดยตรงว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งย้ายตลอดไป หรือที่เรียกว่า “เด้ง” ตามที่สื่อหลายสำนักรายงาน เนื่องจากเป็นการขอให้มาช่วยงานชั่วคราว และให้ทุกฝ่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ในส่วนของการสอบสวนฝ่ายผู้ว่าเอง ได้สอบพยานบุคคลไปจำนวนหนึ่งแล้วเหลือแต่เพียงตัวเด็กและมารดาเด็กที่ออกมาให้ข่าว แต่กลับปรากฏว่าเมื่อประสานขอสอบพยานไป ปรากฏว่าทั้งแม่และเด็กกลับอยู่ในกระบวนการคุ้มครองพยานตามกฎหมาย ไม่สามารถให้การได้ ทำให้เรื่องยังคาอยู่เช่นเดิม ดังนั้นไม่ว่าผลจะออกมาว่าผวจ.แม่ฮ่องสอนจะผิดหรือไม่ก็ตาม นานวันไปก็จะขาดความน่าเชื่อถือ จึงให้มาช่วยงานในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่ตำแหน่งยังไม่ขาด.