เมื่อเวลา 23.10 น.วันที่ 30 มี.ค.พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9 สั่งการให้ พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.กก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.ยุติธรรม มหานิล รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.ระมัด มาเอี่ยม สว.กก.สส.บก.น.9 พ.ต.ต.ธวัชชัย ทิพย์วงษ์ สว.สส.สน.เพชรเกษม นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม และกก.สส.บก.น.9 จับกุมตัว นายรัฐพงษ์ หรือโจ้ อายุ 42 ปี เป็นช่างเทคนิค บริษัทหลอดไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.289/2567 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2567 ความผิดฐาน “พยายามชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยมอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ” โดยจับกุมได้ที่ปากซอยชุมชนสถาพร ซอยประชาอุทิศ 15 แขวงและเขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพ พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนปลอม รถ จยย. และหมวกกันน๊อก และเสื้อผ้ำที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 เวลา 16.16 น.เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ โดยใช้อาวุธปืน ขับขี่รถ จยย.เข้ามาก่อเหตุภายในร้านทองเยาวราช 9 (เทอดไท) ถนนเทอดไท แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพ แต่ไม่ได้ทรัพย์สินใด ๆ และพังประตูร้านทอง เนื่องจากเซ็นทรัลล็อกทำงาน ก่อนขับขี่ จยย.หลบหนีไป ต่อมาชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ และร่วมกันวางแผนจับกุมคนร้าย จากการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายรัฐพงษ์ หรือโจ้ (ทราบชื่อภายหลัง) จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาล ซึ่งต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับตาม
หมายจับของศาลอาญาธนบุรีที่ จ.289/2567 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2567 จากนั้นติดตามมาถึงบริเวณปากซอยชุมชนสถาพร ย่านราษฎร์บูรณะ กระทั่งพบตัวนายรัฐพงษ์ มีตำหนิรูปพรรณตรงกับผู้ต้องหา จึงจับกุมตัวไว้ได้
จากการสอบสวนนายรัฐพงษ์ รับสารภาพว่าในวันเกิดเหตุ ตนเองได้ขับรถ จยย.มาที่ร้านทองดังกล่าว จากนั้น ได้ทำทีว่าเอากาแฟมาส่งพนักงานในร้านจึงได้เปิดประตูให้ ก่อนจะหยิบเอาอาวุธปืนปลอมที่พกติดตัวไปด้วย ใช้ข่มขู่พนักงานในร้านซึ่งเป็นหญิงว่าให้เอาทองมารวมกัน แต่พนักงานตกใจวิ่งหนี จึงเห็นว่าไม่สามารถชิงเอาทองคำไปได้ จึงได้วิ่งออกจากร้าน แต่ไม่สามารถเปิดประตูไปได้ และได้หยิบเอาค้อนที่พกไปด้วย ขึ้นมาทุบประตู จำนวน 2 ครั้ง แต่ประตูไม่แตก จากนั้นสามารถเปิดประตูได้ จึงได้วิ่งขึ้นรถ จยย. หลบหนีไป แถวประชาอุทิศ และได้จอดรถ จยย. เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หมวกกันน๊อก และแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นอีกคันเดิมเพื่อไม่ให้ใครจำได้ จนกระทั่งมาถูกจับกุม พร้อมยินยอมพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจยึดเสื้อผ้า รถจยย. หมวกกันน๊อก อาวุธปืนปลอม ที่ใช้ในวันก่อเหตุ บางส่วนได้นำไปทิ้งน้ำเพื่ออำพราง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวพบของการส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 กล่าวว่า กรณีดังกล่าวต้องขอขอบคุณและชื่นชม เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้รวดเร็ว เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและลดความหวาดกลัวภัยให้กับประชาชน และเป็นหยุดการกระทำของคนร้ายไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำอีก และขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านค้าทองในการป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งจากแผนประทุษกรรมของคนร้ายส่วนใหญ่มักจะเลือกร้านที่ง่าย สะดวกต่อการก่อเหตุและสามารถหลบหนีไปได้ เช่น ร้านที่ไม่มีเหล็กดัด ไม่มีรีโมทควบคุมการเปิด-ปิดประตูของร้าน มีกล้องวงจรปิดตัวเดียว ไม่มี รปภ. มีผู้หญิงสูงวัยเป็นเจ้าของร้านขายทองอยู่คนเดียว เป็นต้น ก็จะเป็นช่องโอกาสให้คนร้ายเลือกเป็นเป้าหมายที่จะเข้ามาก่อเหตุพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเพิ่มความเข้มวงรอบในการออกตรวจตราเพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายมาก่อเหตุ ในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูเส้นทางการหลบหนีและสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ก่อเหตุและติดตามจับกุมต่อผู้ก่อเหตุไว้ได้อย่างรวดเร็ว และต้องขอบคุณทางร้านทองที่มีการป้องกันเป็นอย่างดี คนร้ายไม่สามารถที่จะชิงทรัพย์ทองคำไปได้
////