วันอังคารที่ 26 มี.ค.2567 เวลา 11.00 น. ณ ลานอเนกประสงค์ บช.น. : พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8,พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง รอง ผบก.น.8 และหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล 8 ร่วมแถลงข่าวกรณี จับกุมผู้ต้องหาชาย 6 ราย ย่านพุทธมณฑลสาย 1 และขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่ซุกซ่อนยาเสพติด ในย่าน อำเภอ ลาดหลุมแก้ว จังหวัด ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 5,600,000 เม็ด,คีตามีน จำนวน 200 กิโลกรัม และ รถยนต์ 4 คัน
ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐปราบปรามกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด เนื่องจากเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง และเป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมในสังคม อันจะส่งผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัด กวดขัน สืบสวน ปราบปรามจับกุม ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทุกข้อหา มุ่งเน้นข้อหาความผิดร้ายแรง ได้แก่ การครอบครองยาเสพติดเพื่อการค้า จำหน่าย ผลิต นำเข้า ส่งออก สมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือแก่กลุ่มเครือข่ายยาเสพติด
กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น.กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 โดย พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8,พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง รอง ผบก.น.8 กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 โดย พ.ต.อ.โชติช่วง รัศมี ผกก.สส.บก.น.8,พ.ต.ท.ธวัชชัย อินทะเสย์,พ.ต.ท.อชิรเวชชย์ สุพรรณเภสัช รอง ผกก.สส.บก.น.8,พ.ต.ท.นัทธพงศ์ แก้วอยู่, พ.ต.ท.ธวัชชัย แจ่มวิถีเลิศ และ พ.ต.ต.ณกฤตชัย สุขนิล สว.กก.สส.บก.น.8
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2567 เวลา 23.00 น.ชุดปฏบัติการสามารถจับกุม และตรวจยึด ของกลางได้ที่บ้านเลขที่ 60/179 ซอย 11 หมู่บ้าน ณัฐนันทโฮม ตำบลคูขวาง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 6 รายคือ นายกิตติธัช หรือเน็ต (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี,น.ส.ชญาภา หรือริน (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี,นายกิตติศักดิ์ หรือจอน (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี,นายทวีศักดิ์ หรือปอน (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี,นายพงศ์ศักดิ์ หรือเณร (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี และ น.ส.วิไลวรรณ หรือนก (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน,ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 5,600,000 เม็ด,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) จำนวน 200 กิโลกรัม และ รถยนต์ที่ใช้เก็บซุกซ่อนและขนส่งยาเสพติด จำนวน 4 คัน
พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าตำรวจสืบสวนนครบาล 8 ได้สืบสวนจากกลุ่มผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ฝั่งธนบุรี จนสามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ที่เป็นผู้กระจายยาเสพติดได้ ที่พื้นที่รามอินทรา เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 จึงได้สืบสวนขยายผลถึงต้นทางยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ที่ลักลอบกระจายเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง โดยเป็นแก๊งที่รวมตัวมั่วสุมเสพยาเสพติดกันที่อู่ซ่อมรถ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 1 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร แล้วจะลักลอบไปรับยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนไว้ที่ บ้านเลขที่ 60/179 หมู่บ้านณัฐนันท์โฮม พื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ซึ่งได้เช่าไว้เพื่อเก็บซุกซ่อนยาเสพติดโดยเฉพาะ จากนั้นจะใช้รถยนต์หลายคันนำยาเสพติดออกมาทยอยส่งต่อให้กับลูกค้าในช่วงเวลาค่ำและดึก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สืบสวนเฝ้าติดตามพฤติการณ์เรื่อยมา จนเชื่อว่ามีการใช้รถยนต์กระบะตู้บรรทุกไปรับยาเสพติด และใช้รถยนต์นำระวังเส้นทาง จากพื้นที่ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี แล้วนำยาเสพติดเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อรอกระจายยาเสพติด
จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปเฝ้าจุดสังเกตการณ์ ที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว จนกระทั่งวันที่ 24 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. พบกลุ่มของผู้ต้องหามาอยู่รวมกันเพื่อจะนำยาเสพติดออกไปกระจายต่อให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปแสดงตัวและขอตรวจค้น พบ ยาบ้าจำนวน 5,600,000 เม็ด และ เคตามีน จำนวน 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์กระบะตู้บรรทุกและภายในบ้านเช่าหลังดังกล่าว จากการซักถามขยายผล กลุ่มผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้รู้จักกับมานานและรวมตัวกับอยู่ที่อู่ซ่อมรถของนายพงศ์ศักดิ์ หรือเณร ผู้ต้องหาที่ 5 เพื่อมั่วสุมเสพยาเสพติดกัน ต่อได้เริ่มผันตัวเป็นผู้จำหน่ายรายย่อยจนกระทั่งมารับจ้างจากผู้สั่งการ ให้ไปรับยาเสพติดติดจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนไว้ก่อนนำออกกระจายให้กับลูกค้า โดยทำตามคำสั่งผู้ว่าจ้างว่าจะไปรับยาเสพติดที่ใด เมื่อใด และจะต้องส่งยาเสพติด ต่อให้กับลูกค้ารายใด โดยที่ไม่รู้จักทั้งผู้ส่งและมารับยาเสพติด ซึ่งจะได้เพียงค่าจ้างเป็นรอบๆเท่านั้น