พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรามปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ปฏิบัติหน้าที่ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพลในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และติดตามผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติดให้โทษ ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ในช่วงเทศกาลของตำรวจภูธรภาค 3 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
สำหรับการตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญตำรวจพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติงานตามนโยบายของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงบำรุงขวัญหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง พร้อมคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 217 บ้านขยอง อ.สังขะ และ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ บริเวณด่านชายแดนการค้า ไทย-กัมพูชา ตลาดช่องจอม ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเข้มแข็ง จากนั้น รอง ผบ.ตร. (มค.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และ พลตรีพิเชษฐ์ อาจฤทธิรงค์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 ได้ร่วมกันติดตามผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ของ ภ.3 ทั้ง 8 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา, บุรีรัมย์, อุบลราชธานี, ชัยภูมิ, ยโสธร, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ และ สุรินทร์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการแถลงข่าว โดยมี พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และ พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสุรินทร์ ให้การต้อนรับ
ขณะที่ผลการปฏิบัติหน้าที่ระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ของตำรวจภูธรภาค 3 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปตามนโยบายของ คสช. และรัฐบาล โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดต่างๆ ทั้งหมายจับคดีค้างเก่า จับกุม 629 ราย, เงินกู้นอกระบบ จับกุม 20 ราย ผู้ต้องหา 23 คน มูลค่าของกลาง 8,398,977 บาท, ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (5 ข้อหาหลัก) จับกุม 327 ราย, ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน จับกุม 188 ราย ได้อาวุธปืน 199 กระบอก กระสุน 383 นัด นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมผู้กระทำผิด คดีชีวิตร่างกายและเพศ จับกุม 49 ราย ผู้ต้องหา 55 คน, คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ จับกุม 57 ราย ผู้ต้องหา 67 คน, ความผิดพิเศษ 49 ราย ผู้ต้องหา 63 คน และความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย จับกุม 2,938 ราย ผู้ต้องหา 3,410 คน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เปิดเผยว่า “ปัจจุบันนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือมีการทำอาวุธแบบใหม่ขึ้นมาโดยการดัดแปลง ทำให้ง่ายต่อการก่อเหตุอยู่ตลอดเวลา ผมรับผิดชอบเรื่องความมั่นคง วันนี้มีโอกาสไปตรวจเยี่ยม ตชด., ตม. และเจ้าหน้าตำรวจภูธร ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ถือว่าเรียบร้อยดีเป็นไปตามแผนยุทธการของตำรวจภูธร ภาค3 แต่ก็ได้กำชับให้ระมัดระวังเหตุต่างๆ ส่วนประเด็น มาตรา 44 เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กรณีรถยนต์กะบะเป็นกฏหมายที่มีมาแต่โบราณ ไม่ใช้เรื่องแปลกใหม่ ไม่ใช้เรื่องที่จะต้องมาประท้วงให้บ้านเมืองเสียหาย เพียงแต่วันนี้มาบังคับใช้ให้เข้มข้นขึ้น เพื่อลดอุบัติเหตุ เพราะเป็นห่วงในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน”