“…วัชระ ชี้ คดีนี้เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนและการฟอกเงิน ส่งผลกระทบต่อรัฐเสียหายนับหมื่นล้านบาท กรมสรรพากรทราบข้อเท็จจริงคดีนี้ และได้สั่งการตรวจสอบอย่างไรหรือไม่ หากไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง…”
18 มีนาคม 2567 นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนได้ร้องต่อนางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เพื่อขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีการประกอบธุรกิจของนายอู จอว์ ลวิน หรือนายสง่า กังวาล และให้กรมสรรพากรร้องทุกข์กล่าวโทษตามกฎหมาย ปม เครือข่าย “โกฟุก” ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินจากการพนันออนไลน์ และผูกขาดตลาดน้ำมันในพื้นที่เมืองเกาะสองโดยจะนำเข้าน้ำมันมาขายจาก จ.ระนอง
จากรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอได้ดำเนินการปราบปรามเครือข่าย “โกฟุก” ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินจากการพนันออนไลน์ และผูกขาดตลาดน้ำมันในพื้นที่เมืองเกาะสองโดยจะนำเข้าน้ำมันมาขายจาก จ.ระนอง กรณีนี้ทางการไทยได้ออกหมายจับจำนวน 18 หมาย ซึ่งรวมถึงนายอู จอว์ ลวิน หรือนายสง่า กังวาล ชายสองสัญชาติเมียนมาและไทยซึ่งยังคงหลบหนี หลังจากที่ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นในพื้นที่ 27 จุดรวมถึงบ้านของนายอูที่ จ.ระนอง ซึ่งสื่อในประเทศไทยระบุว่าคือโกฟุก
ตนในฐานะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ขอถามว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนและการฟอกเงิน ส่งผลกระทบต่อรัฐเสียหายนับหมื่นล้านบาท กรมสรรพากรทราบข้อเท็จจริงคดีนี้หรือไม่ และได้สั่งการตรวจสอบอย่างไร ผลเป็นอย่างไร สรรพากรพื้นที่เกิดเหตุตรวจสอบพบเห็นความไม่ถูกต้องในการเสียภาษีหรือพฤติการณ์ที่มีการหลีกเลี่ยงภาษีต่าง ๆ หรือไม่ มีข้อมูลผู้เสียภาษีรายนี้อยู่ในระบบภาษีการค้าน้ำมันเถื่อนหรือไม่ เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ และแจ้งความดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับภาษีหรือไม่ เมื่อใด
นายวัชระกล่าวต่อว่า ดังนั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ จึงขอให้กรมสรรพากรดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่กฎหมายและแจ้งความดำเนินคดี นายสง่า กังวาล กับพนักงานสอบสวนตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 8 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2520 ข้อ 2ภายใน 15 วัน เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเสียภาษีให้กับประชาชนในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำและช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับประเทศในระยะยาวต่อไป ตามวิสัยทัศน์ “องค์กรชั้นนำที่จัดเก็บภาษีอย่างโปร่งใสเป็นธรรมด้วยนวัตกรรมและบุคลากรคุณภาพเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการคลัง”
โดยนายวัชระกล่าวทิ้งท้ายว่า หากไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นจึงอยากให้ นางสาวกุลยา ในฐานะอธิบดีกรมสรรพากรพิจารณาดำเนินการอย่างเร่งด่วน