จดหมายน้อยในถังขยะหลังห้องเรียน นำมาสู่การคลี่คลายคดีโดยลายมือของเด็กสาวมีอายุ 12 ปีมีข้อความถึงผู้เป็นพ่อและพี่ชายต่างมารดาว่า “หนูเกลียดพ่อ หนูเกลียดพี่” หลังครูประจำชั้นพบความผิดปกติ ผู้เสียหายยอมบอกเล่าเรื่องราวกับครูประจำชั้นว่า ถูกพ่อและพี่ชายต่างมารดา ลวนลาม จับนม จับอวัยวะเพศทุกวัน ทุกอย่างเป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่เธอ 8 ขวบ จนถึงปัจจุบัน เรื่องถึงหู พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ส่งชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัว จนล่าสุดตามรวบพี่ชาย ประกาศพลิกแผ่นดินล่าพ่อที่กำลังหลบหนีเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บกสส.บช.น.,พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ,พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น.,ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ,ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ.บก.สส.บช.น.,ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ,ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ,ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฯ,จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู ผบ.หมู่ฯ,ส.ต.อ.ณัฐกิต เชื้อสุข ผบ.หมู่ฯ,ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ผบ.หมู่ฯ,ส.ต.ท.คเชนทร์ ดำคล้ำ ผบ.หมู่,ส.ต.ท.เมธิชัย คำดี ผบ.หมู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายปฏิภาณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี อยู่ที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 885/2567 ลงวันที่ 1 มี.ค.2567 ในข้อหา “กระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นการกระทำแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด”
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าร้านลิลลี่ ช็อป เลขที่ 18/35 ซ.ประชาสงเคราะห์ 27 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ พฤติการณ์กล่าวคือ จดหมายน้อยในถังขยะหลังห้องเรียนที่น่าเศร้า นำมาสู่การคลี่คลายคดี “หนูเกลียดพ่อ หนูเกลียดพี่” ข้อความในเศษกระดาษบรรยายความรู้สึกเกินรับไหวของ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) นักเรียนหญิงวัย 12 ปี ถูกขยำทิ้งลงในถังขยะหลังห้องเรียนพร้อมใบหน้าใบเปื้อนน้ำตา เหตุการณ์ช่วงสั้นๆ เตะตา ผู้เป็นพ่อและพี่ชายเต็มหน้ากระดาษ ครูสาวคว้าตัวเด็กหญิงเอมาเกลี้ยกล่อมจนเธอค่อยๆ ถ่ายทอดความทรงจำอันเลวร้ายที่เธอต้องอยู่ในสภาพ “ตกนรกทั้งเป็น” เริ่มตั้งแต่เมื่อปลายปี 2562 ตอนที่เธออายุได้เพียง 8 ขวบ เธอต้องอาศัยอยู่กับ “พ่อ” และ “พี่ชายต่างมารดา” โดยทุกวันเธอจะถูก “พ่อ” ใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อและกางเกง จับหน้าอกและอวัยวะเพศ บีบคลึง เป็นประจำ “ทุกวัน” โดยทุกการกระทำของเธอมักจะถูกคนในครอบครัวพูดว่า “ต้องเอาร่างกายมาแลก” และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ “พี่ชาย” ก็ร่วมวงทำเลียนแบบเช่นเดียวกับที่พ่อทำกับเธอมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 4 ปี เมื่อครูที่ได้ฟังคำบอกเล่าจากปากเธอ ได้ฟังแล้วได้พาตัว ด.ญ.เอ ไปขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมาสู่การแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ซึ่งหลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก็ขออนุมัติศาลออกหมายจับทั้ง 2 คน คือ นายพรชัย (สงวนนามสกุล) พ่อแท้ๆ และ นายปฏิภาณ (สงวนนามสกุล) พี่ชาย ซึ่งหลังเจ้าตัวทราบว่า ถูกดำเนินคดีก็หอบข้าวของออกจากเมืองกรุง แต่ก็ยังไม่วายพยายามหาช่องทางที่จะคุกคามเหยื่อ โดยพบว่ามีบางครั้งปลอมตัวเป็นทนายความบุกไปที่โรงเรียนของ ด.ญ.เอ อีกด้วย เรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ไล่ล่าติดตามจับกุมตัวทันที โดยสืบทราบว่าตัว นายพรชัยฯ และ นายปฏิภาณฯ ได้หลบหนีไปอยู่ละแวกภาคเหนือตามภูมิลำเนาเดิม (ชนเผ่าม้ง) ชุดสืบสวนจึงวางกำลังสะกดรอยติดตามกว่า 1 สัปดาห์ จนล่าสุดได้เบาะแสว่า นายปฏิภาณฯ ผู้เป็นพี่ชาย ของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กลับเข้ากรุงเทพฯ ขับรถลงจากเมืองเหนือ มุ่งหน้ากลับบ้านพักซึ่งเปิดเป็นร้านขายทุกอย่าง 20 บาท ที่ย่านประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ ชุดจับกุมจึงวางกำลังซุ่มโปร่งจนได้จังหวะยืนยันตัวคนร้ายกำลังจะหลบหนีออกทางด้านหลังร้าน
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงนำกำลังที่ซุ่มโปร่งอยู่บุกเข้าไปจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในส่วนของ ผู้เป็นพ่อที่ถูกออกหมายจับด้วยคือ นายพรชัย ขอสงวนนามสกุลอายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 886/2567 ลงวันที่ 1 มี.ค.2567 ข้อหา “กระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นการกระทำแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด” พบประวัติของนายพรชัย (สงวนนามสกุล) พ่อของเหยื่อว่าเคยถูกดำเนินคดี 2 คดี 1.ปี 2563 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด” พื้นที่ สภ.เทิง อ.เทิง จ.เชียงราย (ขบวนการค้ายาเสพติดของชาวเขากลุ่มม้ง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดยาเสพติดได้กว่า 6 ล้านเม็ด) และ 2.ปี 2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” พื้นที่ สภ.สบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง
ซึ่งทราบข้อมูลว่าหลบหนีอยู่พื้นที่ภาคเหนือ อยู่ระหว่างทำการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี
ในชั้นจับกุม นายปฏิภาณฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ยอมรับว่าเป็นพี่ชายต่างมารดาจริง และอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน เติบโตด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่น้องสาวของตน มโนไปเอง สร้างเรื่องให้ตนกับพ่อถูกดำเนินคดี” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับทั้งพ่อและพี่ชายรายนี้ จากพฤติการณ์ในคดีนี้นับว่า น่าหดหู่ใจอย่างยิ่งของ สถาบันครอบครัวที่น่าจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดของเด็กๆ กลับกลายเป็น “นรกบนดิน” ที่สร้างสมฟูมฟักบาดแผลหยั่งลึกลงในใจของเด็กน้อยไปนานแสนนาน ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และเติบโตอย่างมีความสุข ในวันข้างหน้า ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด ซึ่งเรายืนยันว่าจะพลิกแผ่นดิน ตามล่าคนร้ายที่เหลือรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”