สื่อต่างประเทศหลายสำนัก รายงานว่า อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 90 วัน หลังกลุ่ม ไอเอส อ้างอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดโจมตีโบสถ์คริสต์ นิกายคอปติกออร์โทดอกซ์ 2 แห่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยตรงกับวันปาล์มซันเดย์ (Palm Sunday) ก่อนจะถึงเทศกาล คอปติก อีสเตอร์ อีก 1 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดวันหนึ่งของชาวคริสต์ เนื่องจากพระเยซู พร้อมเหล่าสาวก เสด็จเข้ากรุง เยรูซาเล็ม เป็นครั้งแรก รวมถึงมีขึ้นก่อน พระสันตปาปา ฟรานซิส ประมุขนิกายแคทอริก ที่มีกำหนดเดินทางไปอียิปต์ เพื่อให้กำลังใจชนกลุ่มน้อยชาวคริสต์ในอียิปต์ ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย. นี้
เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นที่โบสถ์ มาร์ กีร์กิส ในเมืองทันทา ห่างจากกรุงไคโร ไม่เกิน 100 ไมล์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย บาดเจ็บกว่า 78 ราย จากนั้นเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โบสถ์ เซนต์ มาร์ก ในเมืองอเล็กซานเดรีย ในเวลาต่อมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย บาดเจ็บอีกราว 35 ราย
ด้าน ประธานาธิบดีอียิปต์ ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวว่า ผู้ก่อการร้ายพยายามสร้างความแบ่งแยกทางศาสนา ซึ่งเขาได้สั่งให้ทหารเพิ่มกองกำลังอารักขาสถานที่สำคัญทางราชการ รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในประเทศ หลังกลุ่ม ไอเอส ข่มขู่ว่า จะลงมือก่อนเหตุอีก โดยกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคง 2 เมืองออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถป้องกันการเกิดเหตุรุนแรงนี้ได้
ขณะที่ โป๊ป ฟรานซิส ได้ร่วมประณามเหตุการณ์นี้เช่นกัน เนื่องจากวันดังกล่าว เป็นวันรำลึกถึงพระเยซู และทรงอธิษฐานให้ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปสู่สุคติ พร้อมอวยพรให้ผู้ได้รับบาดเจ็บมีอากรดีขึ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้ กลุ่ม ไอเอส ก่อเหตุโจมตีโบสถ์ชาวคริสต์คอปติก ในอียิปต์ เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ด้วยการระเบิดโจมตีโบสถ์ในกรุงไคโร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 29 ราย ก่อนจะมีการข่มขู่ต่อเนื่อง ทำให้ชาวคริสต์ต้องอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่เมือง อิสไมลิยา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์