ชายต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดโจมตีขบวนรถไฟใต้ดินในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน เป็นชาวคีร์กีซสถานและถือสัญชาติรัสเซียด้วย แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายหรือหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปได้ ขณะที่รัฐบาลสองประเทศประสานงานสืบสวน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบิชเคก ประเทศคีร์กีซสถาน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งชาติของคีร์กีซสถานออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร ว่าได้รับการติดต่อประสานงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียเกี่ยวกับนายอัคบาร์จอน ดีจาลิลอฟ อายุ 22-23 ปี เกิดที่เมืองออช ทางตะวันตกเฉียงใต้ของคีร์กีซสถาน และถือสัญชาติรัสเซียร่วมด้วย โดยดีจาลิลอฟคือผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวในเวลานี้ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดโจมตีขบวนรถไฟใต้ดินในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้ตู้โดยสารตู้หนึ่งได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 45 คน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคีร์กีซสถานปฏิเสธให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการสืบสวน ขณะที่รายงานของสื่อท้องถิ่นทั้งในคีร์กีซสถานและในรัสเซียเองยังคงขัดแย้งกันไปมา ว่าดีจาลิลอฟคือมือระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งลงมือจุดชนวนเอง หรือเป็นผู้นำกระเป๋าสะพายหลังบรรจุวัตถุระเบิดไปทิ้งไว้ในตู้โดยสาร ด้านคณะกรรมาธิการการสืบสวนของรัสเซียตั้งข้อสันนิษฐานเป็นการ “ก่อการร้าย” ไว้เป็นลำดับแรก แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นที่อาจเป็นไปได้ ซึ่งรวมถึงความผิดพลาดทางเทคนิค และชี้แจงเพิ่มเติมว่าการระเบิดเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่อยู่ระหว่างสถานีสองแห่ง
ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเป็นชาวเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยกำเนิด และอยู่ในพื้นที่ในช่วงเกิดการระเบิดพอดี เดินทางไปวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย ส่วนทำเนียบเครมลินรายงานว่าผู้นำรัสเซียได้รับโทรศัพท์แสดงความเสียใจจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ซึ่งเสนอมอบความช่วยเหลือและพร้อมสนับสนุนรัฐบาลมอสโกในการทำสงครามต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย ด้านทางการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประกาศไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน
แม้หลังเกิดเหตุยังไม่มีบุคคลกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่เหตุระเบิดโจมตีสถานที่สาธารณะหรือระบบขนส่งมวลชนในรัสเซียหลายครั้งในช่วงหลังมักเป็นฝีมือของกลุ่มหัวรุนแรงจากภูมิภาคคอเคซัสที่อยู่ทางเหนือของประเทศ โดยย้อนกลับไปเมื่อเดือนมี.ค. 2553 เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง โจมตีสถานีรถไฟใต้ดินกรุงมอสโก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 40 คน ซึ่งกลุ่มคอเคซัส-เอมิเรตส์ ที่เป็นพันธมิตรของกลุ่มอัล-กออิดะห์เป็นผู้ก่อเหตุ แต่การที่รัฐบาลมอสโกมีบทบาทมากขึ้นในสงครามซีเรียและการปราบปรามกลุ่มไอเอส อาจทำให้รัสเซียกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายรายนี้เช่นกัน.