วันที่ (๓ มีนาคม) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๘/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ มีรายละเอียดระบุว่า ตามที่ได้มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง การขับเคลื่อน การปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ กําหนดกลไกการดําเนินการในเรื่องต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง นั้น โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงโครงสร้างการดําเนินการและกําหนดกลไกสนับสนุนการดําเนินการในเรื่องดังกล่าว ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๘ ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยข้อเสนอแนะของ นายกรัฐมนตรี จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ให้จัดตั้งสํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีขึ้นเป็นหน่วยงานในสํานักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี มีหน้าที่กลั่นกรอง ตรวจสอบ ประเมินผล กําหนดตัวชี้วัด และติดตามความก้าวหน้าในการดําเนินการตามมติ ป.ย.ป. และคณะกรรมการตามข้อ ๔ หรือตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน โดยมุ่งเน้นภารกิจ เชิงยุทธศาสตร์ (Agenda) และเชิงบูรณาการตามพื้นที่หรือกลุ่มภารกิจ (Area) ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ ในทางวิชาการและธุรการให้ ป.ย.ป. เลขานุการ ป.ย.ป. คณะกรรมการตามข้อ ๔ และคณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางานต่างๆ ให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อํานวยการสํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ปฏิบัติงานในสํานักงานบริหารนโยบายของ นายกรัฐมนตรีและทําหน้าที่ประสานกับเลขานุการ ป.ย.ป. ในการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ให้บังเกิด ผลสัมฤทธิ์
ในการนี้ ให้มีอํานาจขอยืมตัวข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐอื่น ตลอดจนจ้างผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมมาบรรจุ แต่งตั้ง หรือปฏิบัติงานในสํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีได้ตามความจําเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ หน้าที่และอํานาจ การบริหารงาน และการดําเนินงานของสํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามที่กําหนดในระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการนั้น เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามวรรคสอง ให้สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดให้สํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่ งบประมาณ สถานที่ทํางาน อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ในการทํางาน และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในการดําเนินการต่าง ๆ ได้ตามที่ ป.ย.ป. กําหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง”
ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๕/๑ ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองลงวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ “เพื่อประโยชน์ในการขับเคลื่อนงานด้านการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้าง ความสามัคคีปรองดอง ให้สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสนับสนุนการดําเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามที่ กําหนดไว้ในคําสั่งนี้ ตามความเหมาะสมหรือตามที่มีการร้องขอ โดยให้สามารถรับโอนทรัพย์สินของ สํานักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สํานักงานสภาพัฒนาการเมือง และสํานักงาน คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย มาดูแลใช้สอย รวมทั้งรับโอนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของสํานักงาน ดังกล่าวข้างต้นมาบรรจุ แต่งตั้ง หรือปฏิบัติงานในสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของ นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเพื่อให้ภารกิจในการสนับสนุนการดําเนินการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ซึ่งได้ดําเนินการมาแล้วระยะหนึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ให้โอนอัตรากําลังข้าราชการ และพนักงานราชการของสํานักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เฉพาะในส่วนที่ยังไม่มี คนครองในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ พร้อมทั้งงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอัตรากําลังดังกล่าว ไปกําหนดตําแหน่งในสังกัดสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้เป็นไปตามบัญชีรายละเอียดการตัดโอน ตําแหน่งว่างและอัตราเงินเดือน ตามที่ อ.ก.พ. กระทรวง สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ นายกรัฐมนตรีเห็นชอบ ทั้งนี้ โดยให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องดําเนินการตามหลักเกณฑ์หรือขั้นตอนที่กําหนด ไว้ในกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีก และเมื่อดําเนินการเรียบร้อยแล้วให้ สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสํานักงาน ก.พ. ทราบด้วย”
ข้อ ๓ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต