ศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สั่งจำคุก50 ปี “จุฑามาศ” อดีตผู้ว่าททท. และลูกสาว 44 ปี ยึดทรัพย์สินคืนแผ่นดิน 62 ล้าน
วันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดพิพากษาคดี นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อายุ 70 ปี และ น.ส.จิตติโสภา บุตรสาว อายุ 43 ปี ในคดีเรียกรับเงินนายเจอรัลด์ – นางแพทริเซีย กรีน สามี-ภรรยานักธุรกิจภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือ บางกอกฟิล์ม เฟสติวัล เมื่อปี 2545 – 2550 มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. นางจุฑามาศ เดินทางมาพร้อมกับ ลูกสาว น.ส.จิตติโสภา และทนายความ เพื่อมาฟังคำพิพากษา โดยหลบสื่อไม่ให้ถ่ายภาพ และเดินเข้าไปยังห้องพิจารณาคดีทันที
ต่อมา ศาลอ่านคำพิพากษา นางจุฑามาศ มีความผิดตามฟ้อง โดยให้จำคุก 50 ปี และลูกสาว น.ส.จิตโสภณ 44 ปี พร้อมให้ยึดทรัพย์สินคืนแผ่นดิน 62 ล้านบาท โดยความผิดของนางจุฑามาศ รวม 11 กระทง กระทงละ 6 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จึงให้จำคุก นางจุฑามาศสูงสุดไว้ที่ 50 ปี
สำหรับดีนี้ศาลได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยเสร็จเมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาพิจารณาคดีเสร็จสิ้นประมาณ 1 ปี ซึ่งครั้งนั้นนางจุฑามาศ ได้นำพยานบุคคลเข้าไต่สวนต่อมาศาลกว่า 10 ปาก รวมทั้งนางจุฑามาศ และบุตรสาวด้วย โดยมีชาวต่างชาติ 3 ราย ซึ่งเป็นทนายความสามี-ภรรยานักธุรกิจภาพยนตร์สัญชาติอเมริกันในชั้นศาลอุทธรณ์ในต่างประเทศ และผู้ร่วมงานกับสามี-ภรรยาชาวอเมริกัน ขณะที่เราได้ยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีต่อศาลเรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ได้ชี้มูล นางจุฑามาศ ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ 65 ล้านบาท กรณีรับสินบนจากการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อฟ้องศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนางจุฑามาศตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งปัจจุบันได้สืบพยานครบทุกปาก และนัดอ่านคำพิพากษาในวันนี้(29 มี.ค.)
โดย ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิด นางจุฑามาศ และบุตรสาว 3 ข้อหา คือ เป็นพนักงานเรียกรับ หรือรับทรัพย์สิน ประโยชน์ใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ , ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย ฯ , กระทำการไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เอื้อให้ผู้เข้าทำการเสนอราคานั้นเป็นผู้มีสิทธิตามสัญญาแก่หน่วยของรัฐ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.รบ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 , 11 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนรอราคาหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 12 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 20 ปี โดยมีบุตรสาว เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
ส่วนทรัพย์สินของนางจุฑามาศ ได้มอบหมายให้ น.ส.จิตติโสภา บุตรสาวเป็นผู้ถือครองแทน และมีการนำไปฝากไว้ในต่างประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ เกาะเจอร์ซีย์ และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ประสานกับทางการสหรัฐฯให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวเอาไว้แล้ว และจะขอให้คืนทรัพย์สินดังกล่าวต่อไป
คดีบางกอกฟิล์มฯ ถือเป็นหนึ่งในคดีทุจริตของไทยซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากกระบวนการยุติธรรมของต่างชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีคดีอื่นๆ เช่น คดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที200 ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างตรวจสอบโดย ป.ป.ช., คดีสินบนโรลส์-รอยซ์ ที่ถูกขยายผลไปยังการรับสินบนของรัฐวิสาหกิจไทยหลายๆ แห่ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดย ป.ป.ช. เช่นกัน ฯลฯ