วันที่ 22 มกราคม 2567 เวลา 09.40 น. : จากกรณีที่ นายวัชรินทร์ วรรณปักษ์ ยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอให้ตรวจสอบโครงการจ้างเหมา ดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุ บุคคลเข้า เป็นพนักงานราชการส่วนท้องถิ่น ที่พบความผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตหลายรายการ ทำให้รัฐ เสียหายมูลค่ากว่า 120 ล้าน และทำให้ประชาชนที่เข้าสอบคัดเลือกต้องขาดโอกาส เสียเงินกว่า 9,000 ล้านบาท โดยมี หัวหน้ากลุ่มงานร้องทุกข์ฯ ตัวแทนสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับหนังสือ
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ นาย วัชรินทร์ วรรณปักษ์ ผู้ยื่นหนังสือ เล่าให้ฟังว่า กรณีนี้เริ่มจากมหาลัยทางภาคอีสาน ร้องเรียนไปถึงคณะกรรมการ ปปช. ในเรื่องของการจัดซื๊อจัดจ้างเหมาดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการและพนักงานปกครองท้องถิ่นในปี 2566 โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 120 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าในการจัดซื้อจัดจ้างมีการปิดข่าว ข้อพิรุธไม่มีการประกาศแผนการจัดซื้อจัดจ้างตามกฏหมาย ในเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง และในเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ก็มีรายละเอียดเพียง 3-4 ฉบับ ปรากฏว่ามีการคัดเลือกมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกแห่งหนึ่ง เป็นผู้ได้รับเลือกดำเนินการจัดซื๊อจัดจ้างในงบประมาณ 82 ล้านเศษ โดยระบุว่าเป็นการใช้ระบบแบบคัดเลือก แบบคัดเลือกเป็นระบบแบบพิเศษ แต่ตามกฏหมายระบุว่าการจัดซื้อจัดจ้างต้องใช้ระบบทั่วไปหรือ ebidding ตรวจสอบลึกลงไปก็พบว่า ทีโออาร์เป็นแค่ต้นร่าง ไม่ใช่เอกสารราชการ ไม่ทราบว่าคณะกรรมการทีโออาร์ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ในร่างของทีโออาร์นั้นระบุว่าให้มหาลัยของรัฐเข้าแข่งขันราคาการจัดซื้อจัดจ้างได้และครั้งแรกต้องเป็น ebidding เท่านั้น ปรากฏว่ามีการเชิญไปแค่ 2 มหาวิทยาลัย และไม่มี ebidding ต่อมามีการอุทธรณ์ต่างๆและมหาวิทยาลัยทางภาคตะวันออกได้เป็นผู้รับเลือก ขั้นตอนเหล่านี้มีการผิดหลายอย่าง ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วผมเห็นว่าการจัดซื้อจัดจ้างคราวนี้น่าจะเป็นโมฆะ เราได้ทราบจากการแถลงข่าวของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่าน อนุทิน ชาญวีรกุล เดิมทีทีโออาร์ประกาศว่าจะมีผู้สอบเข้าแข่งขันประมาณ 300,000 คน แต่ล่าสุดตัวเลขโดดไปถึง 500,000 กว่าคน ถ้าหากการสอบคราวนี้ถูกยกเลิกเพราะการจัดซื้อจัดจ้างเป็นโมฆะ ส่งผลเสียหายต่อระบบราชการ เสียต่อรัฐ และข้อสำคัญประชาชนที่เกี่ยวข้องคงเสียใจกันเป็นอย่างมาก ในการยื่นหนังสือคราวนี้ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร จุดประสงค์ของผมคราวนี้ ที่มาร้องเรียนอยากให้ท่านรัฐมนตรี ช่วยตรวจสอบโดยเร็ว ซึ่งผมคิดว่าใช้เวลาไม่มาก สิ่งที่ขอให้ตรวจสอบคือมีการประกาศแผนจัดซื้อจัดจ้าง ในเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลางหรือไม่ มีการจัดทำทีโออาร์โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีการฮั้วกันระหว่างสองมหาวิทยาลัยหรือไม่ และข้อสำคัญผู้ยื่นซองไม่ได้รับมอบหมายจากอธิการบดีของมหาวิทยาลัยนั้น ผู้ตรวจรับเอกสารบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ มีการทำหนังสือต่างๆในช่วงวันหยุดสิ้นปี ประกาศผลการประกวดราคาในช่วงเวลาห้าทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นนอกเวลาราชการแล้ว ผมเห็นว่ามีพิรุธมาก ส่อไปในทางทุจริต เรื่องนี้ผมเห็นว่ามันเป็นการเข้าข่ายผิดกฏหมายพรบ.ฮั๊วประมูล หลังจากยื่นเรื่องนี้แล้วผมต้องไปขึ้นศาลทุจริตภาคใต้แล้วผมจะนำหนังสือ ไปยื่นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สิ่งที่ผมมุ่งหวังในครั้งนี้ท่านรัฐมนตรีจะต้องตรวจสอบโดยเร่งด่วน เดิมทีผมจะยื่นต่ออธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แต่ผมเห็นว่ารัฐมนตรีมีหน้าที่สูงสุดแล้วจึงไม่จำเป็นต้องยื่นต่ออธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผมเชื่อว่าไม่ควรจะนิ่งนอนใจท่านอธิบดีก็ต้องถูกตรวจสอบ เอกสารบางฉบับบางชิ้นก็เป็นเอกสารปลอม ต่อไปผมจะต้องให้ตรวจสอบ กรมบัญชีกลางว่ายื่นหนังสือแผนการจัดซื๊อจัดจ้างต่อกรมปกครองท้องถิ่นทุกหน่วยงานหรือไม่ ผมตรวจสอบดูแล้วบางงานมีบางงานก็ไม่มี ทั้งที่กฎหมายระบุว่า การจัดซื้อจัดจ้างทุกครั้ง ต้องประกาศแผนการจัดซื้อจัดจ้างและงบประมาณ ในเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง ผมคาดหวังในตัวรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเรื่องนี้งบประมาณมันแค่ 120,000,000 และราคากลาง 90,000,000 รวมvat ซึ่งเล็กน้อยมากต่อสถานะของท่าน ตำแหน่งของท่าน อนาคตของท่าน แต่ผมเชื่อว่าท่านอธิบดีกรมการปกครองท้องถิ่น อาจถูกหมกเม็ดเอกสาร แต่ถ้าบกพร่องต่อหน้าที่ก็ว่ากันไปตามกฏหมาย ซึ่งผมว่าความมาเยอะแยะเรื่องนี้ชัดเจนที่สุดในการทุจริต แม้ถ้าท่านรัฐมนตรีทราบเรื่องแล้วและยังเพิกเฉยก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นรวม ค่าติวเตอร์ รวมทุกอย่าง ประมาณ 30,000 บาทต่อคน รวมแล้วประมาณ 9,000 ล้านบาท งบข้าราชการ 90,000,000 เล็กน้อยมาก แต่ความเสียใจของประชาชนอ่านหนังสือจนพีคแล้วต้องมาถูกยกเลิกการสอบ ตรวจสอบไม่เกินสองเดือนก็เสร็จถ้าโปร่งใสทำไปเลยครับ แต่ผมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่โปร่งใส ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ปกติแล้วผมไม่เคยมายื่นร้องอะไรต่างๆแต่เรื่องนี้ขอให้ท่านรัฐมนตรีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ