พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล โดยกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งร่วมกับหน่วยทหารเรือในฝั่งอันดามันจัดกำลังพลร่วมพิธีสวนสนามกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลประจำปี 2567 ณ ลานสวนสนาม ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 กำลังพลที่ร่วมกระทำพิธีครั้งนี้ มีจำนวน 1 กองพัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 269 นาย โดยมี พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช เป็นประธานในพิธี ซึ่งในปีนี้ได้อัญเชิญธงชัยเฉลิมพลประกอบพิธีเป็นธงชัยเฉลิมพลประจำกองพันต่อสู้อากาศยานที่22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดยมีนาวาโท ศักรินทร์ ชื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 เป็นผู้บังคับกองพันสวนสนาม และประกอบด้วยกำลังพลสวนสนามจำนวน 4 กองร้อย ดังนี้ บก.พัน. สวนสนาม,กองร้อยสวนสนามจากกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ,กองร้อยสวนสนามจากกรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน ม ,กองร้อยสวนสนามจากกองพันรักษาฝั่งที่ 11 กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ,กองร้อยสวนสนามจากกองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือพังงา กองพลนาวิกโยธิน
พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงวีรกรรมของวีรกษัตริย์ไทย รวมทั้งบรรพบุรุษไทยผู้กล้าหาญทั้งหลายที่ได้สละชีวิตเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยให้ดำรงความเป็นชาติที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเป็นมรดกตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ,เพื่อแสดงออกถึงความรักความสามัคคีของกำลังพลในกองทัพ ,เพื่อเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนาและรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ,เพื่อแสดงออกถึงแสนยานุภาพแห่งกองทัพ ให้ขจรขจายไปทั่วโลก
พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทยประจำปี 2567 ในวันนี้จัดให้มีขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเพื่อให้ทหารใหม่ทุกนาย กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลธงชัยเฉลิมพล อันถือเป็นเครื่องหมายแทนองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นจอมทัพ ที่เสมือนหนึ่งเสด็จพระราชดำเนินมาประทับเป็นหลักชัยอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารทั้งปวง ทั้งยังเป็นเครื่องหมายของสามสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ อันเป็นปัจจัยอันสำคัญของบ้านเมือง ที่ทหารจักต้องรักษาไว้เพื่อประโยชน์สุขแห่งประเทศชาติและประชาชน
ทหารใหม่ทุกนายจะต้องผ่านการเข้าร่วมพิธี จึงจะถือได้ว่าเป็นทหารอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ มีความรัก ความสามัคคี พร้อมอุทิศตนเพื่อปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ของประเทศชาติ เทิดทูน และจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้ยิ่งชีพ รวมทั้งยึดมั่นในการปฏิบัติตามคำสัตย์ปฏิญาณตนไว้อย่างมั่นคงตลอดไป
นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล