ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ กรุงเทพฯ โดยเพจสืบนครบาลได้รับแจ้งว่ามีชายเร่ร่อนตระเวนก่อคดีลักทรัพย์ หลอกลวง ตลอดจนข่มขื่นในพื้นที่ตลิ่นชัน พระราชวัง บางยี่ขัน
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.1 บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุม นายมนัส อายุ 39 ปี ภูมิลำเนา ต.หนองหญ้าไซ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหา หมายจับศาลอาญา ตลิ่งชัน ที่ 462/2566 ลงวันที่ 4 ก.ย. 2566 โดยกล่าวหาว่า“ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”
พฤติการณ์ คือ หลอกลวงผู้เสียหายโดยใช้เฟสอ้างว่าเป็นตำรวจ สามารถช่วยให้คำปรึกษาเรื่องคดีความได้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้นัดผู้เสียหายไปพบที่ห้องพักแห่งหนึ่งย่านตลิ่งชัน แล้วทำการข่มขืน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบจนทราบว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุนั้น คือนายมนัสฯ ผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมมาโดยตลอด
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหายังก่อเหตุอื่นอีก ดังนี้
- หมายจับศาลอาญา ที่ 1726/2566 ลงวันที่ 6 มิ.ย. 2566 สน.พระราชวัง ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” โดยมีพฤติการณ์ ทำทีเข้าไปซื้อของในร้านขายจิวเวลรี่และของเก่า ย่านวังบูรพา เมื่อสบโอกาสจึงได้ลักเอาเข็มขัดเงิน มูลค่าประมาณ 12,000 บาท แล้วหลบหนีไป 2.หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.5777/2566 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2566 สน.บางยี่ขัน ข้อหา “ ลักทรัพย์ และ เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันและการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ทำให้เสียหายทำลายแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และ ใช้บัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด
พฤติการณ์ คือ หลอกลวงเอาโทรศัพท์จากผู้เสียหาย อายุประมาณ 77 ปี ซึ่งอ้างว่ารู้จักกันและเป็นเจ้าของห้องเช่าที่ตนเช่าอยู่ ณ ตอนนั้น โดยหลอกลวงว่าจะอัพเดตระบบให้ แต่ได้ฉวยจังหวะผู้เสียหายเผลอ เข้าไปใช้งานแอพเบิกถอนเงินสด แล้วโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง ยอดประมาณ 55,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สืบทราบว่า นายมนัส หรือ ปลา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว ได้หลบหนีการจับกุมด้วยการแฝงตัวเป็นคนเร่ร่อน อาศัยนอนและหาข้าวกินตามสถานที่ที่มีการแจกอาหารให้กับคนเร่ร่อน ในบริเวณพื้นที่เขตพระนคร นอกจากนี้ยังพบว่ามีการก่อเหตุลักทรัพย์และหลอกลวงประชาชนในพื้นที่อยู่อีกหลายครั้ง จึงได้เดินทางตรวจสอบในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมผู้ต้องหา นั่งพักอยู่บริเวณ ริมถนนข้างวัดชนะสงคราม ซ.รามบุตรี ถ.จักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ จึงได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงหมายจับให้นายมนัสฯ ดูและอ่านจนเข้าใจดีแล้ว รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับข้างต้นนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหา และแจ้งสิทธิ์ ให้นายมนัสฯ ทราบ ก่อนทำการจับกุม
จากการสอบปากคำนายมนัสฯ ผู้ต้องหา ให้การว่า ตนเองนั้นตกงาน ปัจจุบันไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยนอนอยู่ตามร้านฟาสต์ฟู๊ดที่เป็น 24 ชั่วโมง โดยหมุนเวียนอยู่บริเวณสนามหลวง สะพานพระราม 8 จรัญสนิทวงศ์ ฯลฯ และอาศัยกินข้าวตามสถานที่ที่มีการแจกข้าวสำหรับคนเร่ร่อน เป็นระยะเวลามานานหลายเดือนแล้ว โดยให้การยอมรับว่าได้มีการกระทำความผิดตามหมายจับจริง เพราะตนนั้นตกงานและต้องการเงินจริงๆ นายมนัสฯยังให้การเพิ่มเติมว่า ตนได้เคยเข้าไปตีสนิทกับนักท่องเที่ยวเพื่ออาศัยกินดื่มฟรี เมื่อสบโอกาสพี่นักท่องเที่ยวเมาจะใช้จังหวะเผลอลักทรัพย์ติดตัวมา จำนวนหลายครั้ง แต่ผู้เสียหายอาจจะไม่ได้แจ้งความ และยังให้การว่าเคยมีพฤติการณ์เปิดโรงแรมเพื่อนอนพักหลายครั้งแล้วหลบหนีออกมาโดยไม่ได้จ่ายเงิน และนอกจากนั้นยังเคยมีพฤติการณ์เข้าไปตีสนิทกับผู้คนต่างๆ โดยอ้างว่าตนเป็นครูพละ เพิ่งมาบรรจุใหม่ เพื่อเรียกความน่าเชื่อถือ ทำทียืมเงินแล้วก็หลบหนีไป ส่วนคดีข่มขืนนั้น ขอให้การภาคเสธ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมจากฐานข้อมูลคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า นายมนัสฯ เคยมีประวัติคดีลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้งในหลายท้องที่ จำนวนหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดที่ถูกจับกุม เมื่อปี 2565 ในพื้นที่ สน.บางขุนนนท์
โดยสามารถจับกุมได้ที่ ริมถนนข้างวัดชนะสงคราม ซ.รามบุตรี ถ.จักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ จากนั้น นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชันเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป..
ธีรพล ปลื้มถนอม ผู้สื่อข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์๕เหล่าทัพ กทม. รายงาน