แม่ทัพภาคที่ 3 ยันทหารไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ จับตาย ‘นายชัยภูมิ’ เยาวชนลาหู่ นักกิจกรรม ยิงนัดเดียวสมเหตุสมผล ขณะผู้ตายทำท่าขว้างระเบิด แต่ถ้าเป็นตนเอง เวลานั้นอาจกด ‘ออโต้’
เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2560 ที่ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดแถลงกรณีทหารวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิว่า กองทัพภาคที่ 3 เสียใจต่อการเสียชีวิต แต่ในข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภาค 5 ชี้แจงว่านายชัยภูมิเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดมาตั้งแต่เดือนม.ค.2560 มีการตามจับ มีหลักฐานชัดเจนการโอนเงิน การใช้จ่าย คิดหลักพื้นฐานเด็กคนหนึ่งที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง การเคลื่อนไหวด้านสังคม ด้านเชื้อชาติเป็นสิ่งที่ดี แต่พลาดพลั้งเข้าไปในวงจรยาเสพติดได้อย่างไร อาจมีความจำเป็นทางการเงิน ทำให้หลงผิด
พล.ท.วิจักขฐ์กล่าวว่า การจับกุมที่ด่านในวันเกิดเหตุจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเป็นการจับกุมตามปกติ ทหารไม่ถืออาวุธใดๆ เลยในตอนแรก นอกจากชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ถืออาวุธเวลาเข้ายามตามปกติ เป็นการตรวจค้นรถกันธรรมดา จนขัดขืนจึงจับอาวุธขึ้นมา เราก็เข้าไปดูแลเยียวยาครอบครัวเขาเท่าที่ทำได้ในฐานะคนไทยด้วยกัน ส่วนคดีความก็ว่าไปตาม หลักฐานข้อเท็จจริง ไม่ให้ร้ายซึ่งกันและกัน ยิ่งช่วงนี้เน้นด้านการปรองดอง
ด้านนายณรงค์ ฟับประโคน ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย กล่าวถึงนายชัยภูมิว่ารู้สึกใจหาย มองว่ารุนแรงเกินไปสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ถูกยิง เป็นเหตุการณ์น่าสลด ตั้งคำถามว่าใช้อำนาจเกินไปหรือเปล่า เพราะสามารถจับเป็นได้ก่อน ไม่ควรจับตาย สภาเด็กฯ กำลังคุยกับเครือข่ายน้องๆ กลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อออกแถลงการณ์ในเร็วๆ นี้ เบื้องต้นขอเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส ชัดเจน และเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย
ประธานสภาเด็กฯ กล่าวต่อว่า เคยร่วมงานกับนายชัยภูมิ 2-3 ครั้งที่ จ.ตาก และ จ.เชียงราย ถือเป็นผู้นำทุกเรื่องของเด็ก และเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ ตั้งแต่การแสดง ความเห็น การจัดงาน การริเริ่มโครงการต่างๆ ให้เยาวชน จากการทำงานร่วมกันเห็นว่านายชัยภูมิเป็นคนดี เรียบร้อย ส่วนตัวยังเชื่อว่าไม่น่าจะทำอะไรอย่างนั้น ไม่เคยมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง แต่อ่อนน้อมถ่อมตน นิ่ง เรียบร้อย ไม่เคยเห็นสูบบุหรี่ กินเหล้าเลย เห็นแต่ทำกิจกรรมอย่างเดียว เวลามีงานเกี่ยวกับชาติพันธุ์จะมาร่วมงานตลอด
“ปกติการตัดสินใจของน้องพลทหารเขายิงเพียงนัดเดียว ขณะที่เขาทำท่าขว้างระเบิด ถ้าเป็นผม ณ เวลานั้นอาจกดออโต้ได้”
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวต่อว่า เมื่อตรวจสอบย้อนหลังก็ยืนยันว่าทหารไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ ให้ตำรวจทำคดี เพราะเป็นคน กลาง ถ้าทำคดีเองก็เอนเอียงเข้าข้างลูกน้อง เอากล้องวงจรปิด มีนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง สอบปากคำทุกคนอย่างละเอียด ให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบอย่าง เป็นธรรม บันทึกจับกุมเมื่อ ม.ค.พบบัญชีธนาคาร บัญชีผู้ต้องขังที่นายชัยภูมิส่งรับยาต่อจากเขา เป็นหลักฐานสำคัญทางคดี