กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จับมือ 16 หน่วยงาน จัดกิจกรรม “อารามอร่าม 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสืบสานวิถีพุทธ เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนรอบวัด พร้อมเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ผ่านการชมทัศนียภาพ 10 วัดยามค่ำทั่วกรุงเทพฯ
วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เวลา 18.00 น. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “อารามอร่าม 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” ณ วัดราชนัดดาราม กรุงเทพมหานคร โดยมี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้เกียรติเข้าร่วมงาน
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ดำเนินนโยบายขับเคลื่อน Soft Power ภายใต้เทศกาล Thailand Winter Festivals ของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จึงได้ดำเนินโครงการจาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จัดกิจกรรม “อารามอร่าม 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” ซึ่งเป็นศาสนสถานที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของไทยอันทรงคุณค่า จึงเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมชมความงดงามด้วยการประดับไฟยามค่ำคืนตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้บูรณาการความร่วมมือกับสำนักนายกรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร (กทม.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตลอดจนความร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ กรมศิลปากร และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รวมถึงภาคีเครือข่ายวัดในกรุงเทพมหานคร 10 แห่ง ประกอบด้วย 1) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 2) วัดไตรมิตรวิทยาราม 3) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 4) วัดประยุรวงศาวาส 5) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ 6) วัดสุทัศนเทพวราราม 7) วัดอรุณราชวราราม 8) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 9) วัดราชนัดดาราม 10) วัดระฆังโฆสิตาราม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า การจัดกิจกรรม “อารามอร่าม 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” ในครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อน Soft Power ด้านเฟสติวัลและด้านท่องเที่ยว ด้วยมิติทางศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้ไหว้พระเสริมสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว เข้าวัดใกล้ชิดพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการเรียนรู้ผ่านมุมมองของการถ่ายภาพ ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้เยาวชนได้สัมผัสวัฒนธรรมไทยในมุมมองใหม่ ด้วยการผนวกเทรนด์ของสังคมปัจจุบันเข้ากับการท่องเที่ยวในมิติทางศาสนา และยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนโดยรอบวัด ทั้งธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการ เช่น ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกโดยรอบวัด ร้านอาหาร ตลอดจนรถโดยสารสาธารณะและเรือโดยสารข้ามฟาก
นอกจากนี้ ภายในพิธีเปิดฯ ยังได้จัดรถรางนำชมไฟอารามอร่ามตามเส้นทางบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ได้แก่ วัดสุทัศนเทพวราราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทำบุญไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เข้าชมแหล่งเรียนรู้ วัด และพิพิธภัณฑ์ฯ โดยมีวิทยากรจากกรมศิลปากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนสถานและโบราณสถานที่สำคัญตลอดเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา มีความเชื่อมั่นว่ากิจกรรม “อารามอร่าม 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” จะช่วยส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย Soft Power ด้านศาสนา เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทกระทรวงวัฒนธรรมจากกระทรวงสังคมสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการส่งมอบความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยมีแนวทางการดำเนินงานขยายกิจกรรมการท่องเที่ยววัด ศาสนสถาน และโบราณสถานยามค่ำคืน ในส่วนภูมิภาค เช่น จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา จ.สุโขทัย อีกด้วย จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ผ่านการชมทัศนียภาพของวัด โบราณสถาน และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่มีความงดงามแตกต่างกันทั้งในช่วงเวลากลางวันและช่วงค่ำ ในระหว่างวันที่ 24 ธ.ค. 66 – 2 ม.ค. 67 โดยสามารถเยี่ยมชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. หรือตามที่วัดเห็นสมควร และชมความวิจิตรงดงามของวิหารที่ประดับด้วยแสงไฟ รวมทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 21.00 น. หรือตามที่วัดเห็นสมควร