มีกระแส มาอีกแล้วค่ะ สำหรับ นางงามสาวคนดัง “น้ำตาล ชลิตา ส่วนสเน่ห์” จากเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ถึงต้องออกโรงเคลียร์เป็นครั้งแรก หลังถูกโยงเข้าประเด็นดราม่ากรณีเพจเฟซบุ๊ก วัดเขาอิติสุคโต หัวหิน ได้โพสต์ข้อความประกาศว่า “พระครูบรรพตพัฒนาคุณ” หรือ “หลวงพ่อปรีชา” เจ้าอาวาสวัดได้ทำการสึกแล้ว
อีกทั้งในข้อความดังกล่าวยังมีการพูดถึงเรื่องที่หลวงพ่อได้มอบแสงสีทองให้กับคนๆ หนึ่งเพื่อนำไปประกวดนางงาม แต่เมื่อการประกวดเสร็จสิ้นลง บุคคลดังกล่าวกลับไม่นำแสงสีทองมาคืนตามที่ให้สัญญาไว้ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หลวงพ่อตัดสินใจสึก และปิดตำนานเจ้าอาวาสวัดเขาอิติสุคโต เนื่องจากหลวงพ่อเป็นคนที่ถือสัจจะวาจา ซึ่งงานนี้นอกจาก “น้ำตาล ชลิตา“ จะออกมายอมรับกับกองทัพสื่อว่า โดยส่วนตัวแล้วตัวเธอเองเป็นลูกศิษย์วัดดังกล่าวจริง และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะเดินทางไปกราบพระอาจารย์แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอ ส่วนกรณีแสงสีทองที่ถูกพูดถึงและหลายคนให้ความสนใจนั้น สาวน้ำตาลได้เปิดเผยว่า…
วันนี้ไม่ใส่มงกุฎออกงานหลายคนก็เลยสงสัย ?
“ก็เขาไม่ได้บอกว่าเอามงอ่ะค่ะ แต่มงกุฏอยู่บ้านนะคะ เดี๋ยวหนูถ่ายอัพไอจีให้ดู ”
แล้วถามถึงประเด็นดราม่าที่บอกว่าพระสึกเพราะเรา ?
“จริงๆ พระอาจารย์ก็เป็นพระอาจารย์ที่เราเคารพนะคะ เนื่องจากมีญาติๆ ของตาลที่เราเคยไปทำบุญไปขอพรด้วยกัน แต่ไม่ได้ขอเครื่องรางของขลังหรือว่าอะไรยังไงนะคะ”
แสดงว่าเราเป็นลูกศิษย์วัดอยู่แล้ว ?
“ใช่ค่ะ ก็คือจะมีพี่ๆ ที่เขาเป็นญาติกันชวนไปทำบุญ ซึ่งตาลเองก็เป็นคนที่ชอบทำบุญอยู่แล้วด้วย และสำหรับวัดนี้ถามว่าไปบ่อยไหม ก็…ถ้าหากมีโอกาสได้ไปเที่ยวหัวหินตาลก็จะไปทำบุญค่ะ”
ผู้สื่อข่าวได้ถามต่ออีกว่าที่บอกว่าเราไปเอาแสงสีทองเขามา อันนี้คือยังไง ?
“มันก็ไม่ได้เป็นแสงสีทองหรืออะไรยังไงนะคะ คือมันก็เป็นเหมือนกับว่าก่อนที่ตาลจะไปประกวดตาลก็ไปบนไว้แบบว่าขอให้ท่านอวยพรให้ ให้พระอาจารย์อวยพรให้เพื่อที่เวลาไปถึงตรงนั้นเราจะได้นึกถึงแต่สิ่งดีๆ นึกถึงแต่ความเป็นสิริมงคลให้กับเรา”
จริงๆ เราได้เครื่องรางของขลัง “ไม่ใช่ค่ะ ไม่มี”
และการที่เรารับปากไว้แต่ไม่มีสัจจะอันนี้คืออะไร ?
“คือพระอาจารย์ท่านก็บอกว่าหากมีโอกาสหลังประกวดเสร็จได้มง ก็อย่าลืมกลับมาที่วัดมาทำบุญเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าช่วงที่ผ่านมาตาลยังไม่มีโอกาสได้กลับไปตั้งแต่กลับจากฟิลิปปินส์ แต่ว่าอาทิตย์ก่อนตาลเพิ่งจะกลับไปไหว้ไปทำบุญเหมือนเดิม”
เรารู้สึกยังไงบ้างที่คนคิดว่าเราเป็นสาเหตุทำให้ท่านต้องสึก ?
“ไม่ถึงขนาดนั้น จริงๆ แล้วแบบไม่ได้เกี่ยวกับตาลที่แบบว่าทำให้พระอาจารย์สึกเลย ไม่ใช่”
ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับทางวัดหรือทางพระอาจารย์แล้วหรือยัง ?
“ตาลก็เพิ่งทราบข่าวเองค่ะว่าท่านสึกไป เพราะตอนนั้นเราก็ตั้งใจไปทำบุญปกติ”
ย้อนกลับไปก่อนที่จะบินไปประกวดเราได้คุยกับพระอาจารย์ด้วยใช่ไหม ?
“ใช่ค่ะ ก็คือทางวัดเขาไม่ได้รับดูดวงหรืออะไรนะคะ แต่เราก็แค่ไปคุยไปขอพรปกติ”
ยืนยันว่าเราไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรแน่นอน ?
“ไม่ค่ะ ไม่ได้บนไม่ได้ทำอะไร ก็คือเหมือนกับว่าพระอาจารย์ท่านบอกว่าถ้าหากมีโอกาสก็อย่าลืมกลับมาทำบุญมาคุยกันอะไรประมาณนี้ค่ะ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะตาลไม่ได้กลับไปตั้งแต่แรกหรือเปล่า เนื่องจากช่วงนั้นตาลไม่มีเวลา แต่ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตาลก็เพิ่งกลับไป”
ตอนที่เราไปครั้งล่าสุดเจอพระอาจารย์ไหม ?
“ไม่เจอค่ะ ตอนไปก็ไม่ทราบด้วยว่าท่านสึกแล้วเพราะเราก็ไปปกติของเรา”
หลังจากนี้เราจะหาทางติดต่อไหม ? “จริงๆ ตาลก็ยังศรัทธาท่านเหมือนเดิมนะคะ ยังเป็นลูกศิษย์เหมือนเดิม ถ้าหากท่านกลับมาก็อยากจะไปกราบท่านค่ะ”
ฟีดแบคเป็นยังไงบ้างตั้งแต่มีข่าวออกมา ? “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่ามีฟีดแบคอะไรบ้าง วันนี้ตาลทำงานทั้งวัน 3 งานแล้ว”
กลัวไหมว่าเรื่องนี้จะทำให้ศิษย์คนอื่นไม่พอใจในตัวเรา ? “ไม่ ไม่ค่ะ คือมันอาจจะมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว จริงๆ ท่านก็บวชมา 30 กว่าพรรษาแล้ว”
ส่วนตัวเราไม่รู้นะว่าแสงสีทองคืออะไร ? “อาจจะเป็นเหมือนกันพรมากกว่า”
และคิดว่าต้องเอาไปคืนไหม ? “คือมันก็เป็นการทำบุญปกติ เราก็ไปเจอท่านปกติ”
อยากจะบอกอะไรคนที่เขาเข้าใจผิดไหมว่าเราเป็นคนทำให้พระสึก ?
“ก็มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคะ ตาลก็คงบอกไม่ได้ว่ามันเป็นยังไง เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับความศรัทธาของแต่ละคนมากกว่าค่ะ และก็อยากจะบอกว่าตาลเองไม่ได้ผิดสัจจะอะไร ตาลแค่ไม่ได้มีโอกาสกลับไปเฉยๆ และถ้าหากมีโอกาสกลับไปก็ตั้งใจจะไปทำบุญอยู่แล้ว เพราะว่าวัดนี้ตาลไปทุกครั้งที่ตาลไปหัวหิน”
น้อยใจไหมที่เจอแต่ข่าวดราม่าเยอะ ?
“ก็เยอะค่ะ แต่ก็ไม่เป็นอะไรจะได้เจอพี่ๆ ส่วนข่าวต่างๆ ตาลก็ไม่ทราบนะว่าเกิดจากอะไร ซึ่งก็ไม่เป็นไรค่ะตาลก็ยินดีออกมาตอบเสมอ”