สั่งปรับ “อนุสรณ์ จิรพงศ์” ฐานทำร้ายร่างกาย 10,000 บาท ด้านนักสืบโซเชียลขุดภาพ สปท. คนดังใกล้ชิดสาวเซ็กซี่ ถามกลับถ้าไม่เรียกป๋า จะให้เรียกอะไรดี
จากกรณีที่พนักงานร้านอาหารย่านซอยอารีย์เข้าแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายกับ อนุสรณ์ จิรพงศ์ สมาชิก สปท. หลังถูกตบหัวเนื่องจากไม่พอใจที่พนักงานเรียกตัวเองว่า “ป๋า” ด้านเจ้าตัวยันแค่เขกหัวเพื่อสั่งสอน จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรม ซึ่งนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 ได้เผยว่า นายอนุสรณ์ยอมรับผิดทุกประการ ถือว่าเป็นการแสดงเจตนาที่ดี
วันที่ 15 มีนาคม 2560 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า บนโลกออนไลน์ยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่อง มีการขุดภาพนายอนุสรณ์โอบกอดคู่กับสาวเซ็กซี่หลายคนมาเปิดเผย พร้อมตั้งคำถามถึงคำว่า “ป๋า” และความสัมพันธ์ระหว่างนายอนุสรณ์ กับสาวที่อยู่ในภาพ
ขณะที่ในเวลาต่อมา หญิงสาวคนกล่าวที่มีภาพคู่กับนายอนุสรณ์หลายภาพ ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนเองเป็นแค่พริตตี้ รับงานเอนเตอร์เทน ไปเที่ยว ไปกินข้าว เท่านั้น ไม่ได้ขายตัวแต่อย่างใด ไม่ได้มีอะไรเกินเลยมากกว่านี้ ถ้าตนขายตัวจริงคงรวยไปนานแล้ว ซึ่งรูปที่ออกมาคือเป็นความบังเอิญที่มีผู้ใหญ่พาไปรู้จัก และตนไม่อยากให้คนในครอบครัวหรือ ในสังคมต้องรู้สึกไม่ดีตามที่เห็นในรูป ตนไม่เข้าใจว่าทำไมรูปที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์มีแค่ตนคนเดียว ทั้งที่ไปกันหลายคน โดยตนก็ได้บอกให้ลบรูปไปแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่ารูปนั้นไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ได้อย่างไร จากนั้นหญิงสาวดังกล่าวก็ได้ปิดเฟซบุ๊กไปในเวลาต่อมา
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เชิญนายอนุสร และนายชาตอลงกรณ์ นิลยาน พนักงานบาร์เทนเดอร์ของร้านอาหารย่านซอยอารีย์ มาพบหลังมีคลิปเผยแพร่ไปในสังคมออนไลน์และผู้เสียหายได้แจ้งความไว้แล้ว
นายชาตอลงกรณ์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้ผสมเครื่องดื่มไปให้นายอนุสรณ์ ต่อมานายอนุสรเรียกไปพบจึงเดินเข้าไปและได้พูดคุยกัน แต่ด้วยความตื่นเต้นจึงได้เรียกสรรพนามแทนนายอนุสรณ์ ว่า “ป๋า” ก่อนหน้านี้จะใช้คำว่า “คุณ” หลังจากนั้นก็เป็นภาพที่ปรากฏในคลิป หลังเกิดเหตุตนรู้สึกกลัวและไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ และตอนนี้ก็ไม่ติดใจเอาความ และไม่รับเงินค่าเยียวยา
ด้านนายอนุสร ได้กล่าวขอโทษสังคม และนายชาตอลงกรณ์ ต่อการกระทำที่เกิดขึ้น เนื่องจากเคยบอกว่าไม่ให้เรียกป๋า เพราะมันเป็นคำที่ไม่สุภาพ ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียน เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษและยังทำให้สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ทำให้ได้รับความเสื่อมเสีย ซึ่งก็ได้ขอรับผิดชอบและเยียวยาผู้เสียหายที่ต้องทำให้หยุดงานและเสียรายได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี พล.ต.ท. ศานิตย์ กล่าวว่า ในส่วนของคดีความนั้นเนื่องจากเหตุการณ์นี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย จากหลักฐานทางการแพทย์ ระบุว่ามีรอยฟกช้ำ บวม ประมาณ 2 เซนติเมตร 3 แผล บริเวณแก้มขวา ใช้เวลาในการรักษา 3 วัน พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ มีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนลงความเห็นให้มีการปรับสูงสุดในวงเงิน 10,000 บาท และส่งสำนวนทั้งหมดให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป