เตือน‘พายุฤดูร้อน’รุนแรงกว่าทุกครั้งจับตา‘เหนือ-อีสาน’คาดเมษาพุ่ง43องศา
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 14-19 มีนาคมห่วงภาคเหนือ-อีสาน เกิดพายุฤดูร้อนรุนแรงกว่าทุกครั้ง บางพื้นที่อาจมีลูกเห็บตก คาดเมษาร้อนแตะ43องศา อากาศร้อนทำนักปั่นวัย77วูบล้มดับแล้ว1ราย
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาแถลงว่าสภาพอากาศของประเทศไทยในระยะนี้ มีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากจะเกิดพายุฤดูร้อนหลายพื้นที่ และอาจรุนแรงถึงขั้นมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ตลอดสัปดาห์นี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ถึง19 มีนาคม โดยวันที่ 14-15 มีนาคม จะเริ่มส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นลักษณะมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง
ห่วงพายุฤดูร้อน-คาดร้อนสุด43
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าเป็นห่วงมากคือ บริเวณภาคเหนือ ช่วงวันที่16-19 มีนาคมมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาร์เคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ คาดการณ์ว่าจะทำให้เกิดพายุฤดูร้อนรุนแรงมากกว่ารอบที่ผ่านมาและถึงขั้นมีลูกเห็บตกในหลายจังหวัดหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรงขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงด้วย
สำหรับคาดการณ์อุณหภูมิสูงสุดปีนี้คาดว่าจะสูงถึง43องศาเซลเซียส ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออกคาดการณ์อุณหภูมิสูงสุด41-42 องศาเซลเซียส แต่จะเกิดขึ้นเป็นบางช่วงบางเวลาและบางวัน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งประเทศไทย ได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์มากที่สุดในช่วงนั้น
ยันไทยไร้ฮีทเวฟ-ระวังลมแดด
นายวันชัย ชี้แจงกรณีมีข่าวลือคลื่นความร้อน หรือ ฮีทเวฟ(Heat Wave)ในประเทศไทย วงวันที่ 20-22 มีนาคม จะเกิดคลื่นความร้อน ส่งผลให้เกิดโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก มีอันตรายถึงเสียชีวิตได้นั้นว่าไม่เป็นความจริง ตรวจสอบไม่พบข้อมูลการแจ้งเตือนหรือคาดการณ์เกี่ยวกับคลื่นความร้อน และยืนยันได้100%ในส่วนของประเทศไทย ว่าไม่มีโอกาสเกิดคลื่นความร้อนเพราะไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิด ช่วงวันดังกล่าวปีนี้บริเวณประเทศไทยไม่ได้มีอากาศร้อนจัดคาดการณ์ว่าระหว่างวันที่14-19 มีนาคมจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นส่งผลให้อากาศคลายความร้อนลง ส่วนโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก สามารถเกิดขึ้นได้ช่วงที่มีอากาศร้อนจัด จะส่งผลโดยตรงต่อผู้ป่วย ผู้สูงวัย เด็กและผู้ที่ทำงานประกอบกิจการกลางแจ้ง จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน และควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
ปภ.ประกาศ’สระแก้ว’ภัยแล้ง
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งว่าขณะนี้ มีเพียง จ.สระแก้ว ที่ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง แม้ภาพรวมยังไม่ถือว่าแล้ง แต่รัฐบาลมีการเตรียมการทั้งสำรวจแหล่งน้ำและแผนการใช้น้ำ ที่สำคัญคือเร่งการทำความเข้าใจแก่ประชาชนว่า รัฐบาลจะบริหารจัดการน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภคซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้สำรวจแล้วว่าแหล่งต้นน้ำอยู่ที่ใดและจะใช้น้ำอย่างไรจึงจะเพียงพอ อีกทั้ง ต้องทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่ทำนาปรังเพราะเกรงว่าน้ำอาจไม่เพียงพอ โดยกรมชลประทาน ได้ให้ข้อมูลส่วนนี้แก่เกษตรกรแล้ว ขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยทำความเข้าใจ
“ขณะนี้เราเตรียมการรับมือภัยแล้งตามปฏิทินเพราะรู้ว่าเวลานี้เข้าสู่ฤดูร้อน การขาดแคลนน้ำจะตามมา จึงต้องทำงานดักหน้าไว้ ไม่ต้องรอให้ภัยมาก่อนถึงจะทำ ส่วนภาพรวมน้ำในเขื่อน ทั้งหมด 34 แห่ง มีปริมาณน้ำมากกว่าปีที่ผ่านมา และต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคต้องมาอันดับแรก” นายฉัตรชัย กล่าว