เวลา 14.00 น. วันที่ 1 ธ.ค.66 ที่ ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.4 บก.ป. รวบขบวนการหลอกลวง โดย อ้างวิ่งเต้น ช่วยเหลือคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.6 บก.ป. จับกุมขบวนการค้ารถเถื่อนข้ามชาติ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.,พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ, พ.ต.ท.เจษฎา แก้วจาเครือ, พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สุขทัศน์, พ.ต.ท.เอนก บุญตา รอง ผกก.4 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.รักพงศ์ รักอยู่ สว.กก. 4 บก.ป., ร.ต.อ.พนา สี่สุวรรณ รอง สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.อ.ชนะภัย วงษ์บุบผา, ว่าที่ ร.ต.อ.ภานุพงศ์ สมสัก รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. 4 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 2 ราย ดังนี้
- นายภาณุรักษ์ หรือปาล์ม อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.178/2566 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566
- นายธเนศ หรือโอ๋ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.183/2566 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน โดยทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตนให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด, ร่วมกันกรรโชก และร่วมกันฉ้อโกง ”
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายธเนศ หรือโอ๋ (ผู้ต้องหาที่ 2)มีหมายจับติดตัวอีก 1 หมายจับ คือ หมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 431/2565 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์”
พร้อมตรวจยึด รถยนต์ 1 คัน ซึ่งอยู่ในครอบครองของผู้ต้องหาที่ 2
สถานที่จับกุม
ผู้ต้องหาที่ 1 จับกุมได้ที่ ปากซอยจตุโชติ 20 ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
ผู้ต้องหาที่ 2 จับกุมได้ที่ ลานจอดรถอะพาร์ตเมนต์ ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ต.ค.2566 ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันบูรณาการดำเนินการจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ได้ร่วมกันปลอมป้ายภาษีรถยนต์ และปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ จนสามารถตรวจยึดรถยนต์หรูได้จำนวนหลายสิบคัน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. (ชุดตรวจยึด) ตรวจยึดรถยนต์ผิดกฎหมายดังกล่าวได้เเล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงได้นำส่งรถยนต์ผิดกฎหมายไปยังพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อประมาณเดือน พ.ย.2566 ได้มีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม อ้างว่าสามารถช่วยเหลือทางคดีและขอคืนรถยนต์ที่ตรวจยึดในคดีก่อนหน้านี้ให้ได้ โดยมีนายภาณุรักษ์ฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) เป็นผู้ติดต่อไปหาผู้เสียหาย พูดคุยแอบอ้างในลักษณะดังกล่าว โดยอ้างว่าจะต้องเสียค่าดำเนินการเป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท ซึ่งในการพูดคุยหลอกลวงผู้เสียหายนี้ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้กระทำร่วมกันกับนายธเนศฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) โดยหลอกลวงผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ให้ผู้เสียหายพูดคุยผ่านกลุ่มไลน์ที่ผู้ต้องหาทั้งสองสร้างขึ้น จนภายหลังผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงิน ค่าดำเนินการให้ก่อนครั้งแรกเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท โดยผู้เสียหายได้นำเงินสดฝากเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 1 และเงินส่วนที่เหลือได้มีการตกลงกันว่าจะชำระให้ในภายหลัง แต่ต่อมาผู้เสียหายเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. (ชุดตรวจยึด) และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. จนทราบว่าคดีที่ตรวจยึดรถยนต์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายตามปกติ ไม่มีการดำเนินการให้การช่วยเหลือทางคดี หรือกระทำการโดยมิชอบในลักษณะที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวง ภายหลังผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. และ กก.6 บก.ป. จึงได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย
กระทั่งเมื่อวันที่ 29 พ.ย 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่จับกุมนายภาณุรักษ์ฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) โดยจับกุมได้บริเวณถนนจตุโชติ เขตสายไหม กรุงเทพฯ และในวันที่ 30 พ.ย. 2566 สามารถจับกุมนายธเนศ หรือโอ๋ (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้บริเวณถนนลาดพร้าววังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดรถยนต์ได้อีกจำนวน 1 คัน หลังจากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาในเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ให้การภาคเสธ โดยรับว่าได้มีการร่วมพุดคุยกันในการหลอกลวงผู้เสียหายจริง แต่ตนไม่รู้เห็นเรื่องการรับเงินจากผู้เสียหาย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ในกลุ่มเครือข่ายค้ารถยนต์มือสองและรถหลุดจำนำ โดยเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่าผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามตรวจยึดรถยนต์เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งสองจึงอาศัยโอกาสดังกล่าว สร้างเรื่อง แอบอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าสามารถช่วยเหลือทางคดีผู้เสียหายได้
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชนว่า ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ไม่มีการเรียกรับเงินเพื่อวิ่งเต้นหรือช่วยเหลือในทางคดีแต่อย่างใด ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการกระทำในลักษณะดังกล่าว ขอให้เชื่อว่าเป็นการหลอกลวง อย่าหลงเชื่อโดยเด็ดขาด ทั้งนี้หากประชาชนมีข้อสงสัยทางคดี สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบถามหรือปรึกษาได้โดยตรง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.รักพงศ์ รักอยู่ สว.กก. 4 บก.ป. โทร.080-2936641