จากกรณีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 16.18 น.ร.ต.อ.วินัย โนติ๊บ.พงส.สภ.นาหมื่น จ.น่าน ได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน แจ้งว่า มีเหตุคนร้ายที่ชิงทรัพย์ บนถนนสายนาทะนุง-ปิงหลวง เขตบ้านน้ำกึ๋น ม.10 ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น จ.น่าน จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ธวัชวงศ์ ชูกิจคุณ ผกก.สภ.นาหมื่น ทราบแล้วรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงพบ น.ส.ลักษณ์ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี อยู่หมู่ 5 ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น จ.น่าน แจ้งว่าคนร้ายได้เงินสดไป จำนวน 20,000 บาท
จาการสอบถาม น.ส.ลักษณ์ (นามสมมุติ)ผู้เสียเล่าว่า เหตุเกิด เวลาประมาณ 14.30 น. ในขณะที่ตนเอง ได้ไปกดเงินที่ธนาคาร ธกส.สาขา นาหมื่น จำนวน 20,000 บาท หลังจากนั้นได้ไปนั่งกินกาแฟที่ร้านบายออฟ ในเขต ต.บ่อแก้ว หลังจากนั้นได้เดินทางกลับบ้านโดยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านผ่านมาถึง บ้านน้ำกึ๋น เขต ม.10 ต.นาทะนุง ฯ ได้มีชายวัยรุ่น จำนวน 5 คน ใช้ผ้าปิดหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน ตามมาเรียกให้จอด มีวัยรุ่น 1 คนถืออาวุธมีดได้มาจี้บังคับและข่มขู่จะทำร้าย ได้เงินสดไป 20,000 บาท ตนเองไปถึงบ้านแล้วจึงได้โทรแจ้ง 191 เวลา 16.18 น. ตนเองอยู่บ้านต้อง ม.5 ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น จว.น่าน หลังจากที่ได้รับแจ้งแล้วทาง พ.ต.อ. ธวัชวงศ์ ชูกิจคุณ ผกก.สภ.นาหมื่น จึงแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ออกติดตามหาข่าวกลุ่มคนร้ายที่เป็นวัยรุ่น พร้อมประสานทางร้านต่างและตรวจสอบดูตามกล้องวงจรปิดที่ติด ในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อติดตามหาคนร้าย นั้น
ต่อมาวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ทาง พ.ต.อ.ธวัชวงศ์ ชูกิจคุณ ผกก.สภ.นาหมื่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง ออกติดตามหาข่าวกลุ่มคนร้ายที่เป็นวัยรุ่น พร้อมประสานทางร้านต่างและตรวจสอบดูตามกล้องวงจรปิดที่ติด ในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อติดตามหาคนร้าย ปล้นทรัพย์ เหตุเกิดบนถนนสายนาทะนุง-ปิงหลวง เขตบ้านน้ำกึ๋น ม.10 ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น จ.น่าน ไม่พบหลักฐานกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวในพื้นที่แต่อย่างไร
ต่อมา น.ส.ลักษณ์ (นามสมมุติ) ผู้แจ้งได้มาพบเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับร.ต.อ.วินัย โนติ๊บ.พงส.สภ.นาหมื่น จ.น่าน โดยยอมรับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้น เป็นความเท็จ โดยทาง น.ส.ลักษณ์ (นามสมมุติ) ผู้แจ้งได้แต่งเรื่องราวขึ้นมาเองว่าโดนปล้นทรัพย์ไป เนื่องจากเกิดความเครียดที่ถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้สิน ในวันนี้( 21 พ.ย.2566) พนักงานสอบสวน สภ.นาหมื่น จึงได้บันทึกคำให้การของผู้แจ้งไว้แล้ว และได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานพร้อมได้แจ้งข้อกล่าวหา การแจ้งข้อความที่เป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และยังมีบทเฉพาะมาตรา 172,173,174 ที่มีโทษหนักขึ้นสูงสุดผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ที่เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น และจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีต่อไป
รายงาน ธงชัย พานิชรุ่งเจริญกิจ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดน่าน