ชาวกัมพูชาจำนวนมากแสดงความกังขาต่อเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศแห่งราชอาณาจักร
หลังจาก “จื่อ-9” (Zhi-9) หนึ่งในจำนวน 12 ลำที่ซื้อจากจีน ตกลงในบ่อน้ำในเขต อ.ดังกอร์
ชานกรุงพนมเปญวันจันทร์ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน รวมทั้งนายทหารระดับ
นายพล 2 นายด้วย หลายคนพุ่งการวิจารณ์ไปที่ประสิทธิภาพของอากาศยานปีกหมุนรุ่นนี้
อีกจำนวนหนึ่งพุ่งเป้าไปที่ความบกพร่องของนักบินเอง
การวิพากษ์วิจารณ์ดำเนินต่อมาข้ามวันจนถึงขณะนี้ หลังจากทางการสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตบน ฮ.ขึ้นจากน้ำ
ได้ครบทั้งหมดแล้ว และภาพการกอบกู้ซาก จื่อ-9 ชะตาขาด ที่อยู่ในสภาพขาด 2 ท่อนกลางลำ แพร่สะพัด
ทั่วไปผ่านเว็บไซต์ข่าวหลายแห่งผู้ที่เสียชีวิตยังรวมทั้ง พล.จ.อู๊ก บุญหา (Ouk Bunnaha) ผู้บังคับการกอง
บินปีกหมุน ที่เป็นต้นสังกัดของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว และนับเป็นโชคดีที่มีผู้รอดชีวิต 1 คน เนื่องจาก
ตัดสินใจกระโดดออกจากเครื่องเพียงไม่กี่วินาทีก่อนเครื่องจะปะทะเข้ากับขอบบ่อดิน ที่เกิดจากการตักหน้า
ดินขาย ฝนที่ตกหนักก่อนได้ทำให้เกิดเป็นบึงน้ำลึกขนาดย่อมๆ ขึ้นมา
ภาพนิ่ง และวิดีโอคลิปจากที่เกิดเหตุหลายชิ้นที่เผยแพร่ในช่วง 2 วันมานี้ แสดงให้เห็นส่วนหางของลำ
หล่นจากขอบบ่อที่สูงราว 40 เมตร ลงไปเกยอยู่ริมน้ำ ขณะส่วนหัวจมอยู่ในน้ำเกือบมิดพร้อมกับร่าง
ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด หลักฐานต่างๆ เหล่านั้นแพร่ออกไปผ่านประชาคมออนไลน์ของชาวเขมร
พร้อมกับเรื่องเล่าของราษฎรผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนหนึ่ง
“เป็นที่ชัดเจนว่า ฮ.จีนสร้างด้วยวัสดุราคาถูก คุณภาพต่ำ ไม่คุ้มต่อการนำมาใช้” ชาวเขมรต่างแดน
ผู้หนึ่งเขียนวิจารณ์เป็นภาษาอังกฤษลงในเว็บบล็อกยอดนิยมของพวกเขา
“ฮ.ลำนี้ฆ่านายพลไป 2 นาย คนอื่นๆ อีก 3 คน กองทัพไม่ควรเลือกแค่ว่าเพราะมันราคาถูก ไม่คุ้ม
ต่อการสูญเสียคน กว่าจะฝึกคนของเราได้แต่ละคนต้องลงทุนลงแรงมากมาย ทำลายความหวัง
และอนาคตของอีกหลายครอบครัว” อีกเสียงหนึ่งกล่าว
“ฮุนเซนควรจะลองนั่งด้วยตัวเอง ไม่ควรให้คนอื่นๆ เสี่ยงตายแทน” อีกคนหนึ่งกล่าวถึงนายกรัฐมนตรี
ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในกัมพูชา แต่ไม่กล้านั่งเฮลิคอปเตอร์ และไม่เคยนั่งเฮลิคอปเตอร์เลยใน
ช่วงกว่า 20 ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก พล.อ.ฮ็อก ลุนดี อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เสียชีวิตในเหตุการณ์ ฮ.ลำหนึ่งถูกฟ้าป่าตกลงใน จ.สวายเรียง หลายปีก่อน