ทำเอาคนดูถึงกับ ว้าว!!! กันทั้งประเทศและก็ทายผิดกันถ้วนหน้าเลยทีเดียวสำหรับรายการ “The Mask Singer หน้ากากนักร้อง” ในรอบ Final กรุ๊ป D ที่เป็นการดวลกันครั้งสุดท้าย ระหว่าง “หน้ากากปลาหมึก” พบกับ “หน้ากากจิงโจ้” เป็นคู่ชิงต่างสายพันธุ์ที่แฟนๆ ต่างชื่นชอบในพลังเสียงของทั้งคู่
กับการร้องเพลงฟีเจอริ่งเปิดเวทีกันในเพลง “Empire state of mind” เรียกได้ว่าไม่สามารถละสายตาจากทั้งคู่ได้เลยกับการโชว์นี้ ก่อนที่ หน้ากากปลาหมึก จะโชว์เพลงสากล “One night only” ที่ใช้สกิลการร้องขั้นเทพปล่อยของออกมาจนคณะกรรมการ อึ้งกับความสามรถของหน้ากากปลาหมึก
ทางด้าน “หน้ากากจิงโจ้” ก็ไม่ยอมกันงัดเพลงสากลมาโชว์เช่นกันในเพลง “One last cry” มาทำในแนว R&B ในสไตล์ของตัวเอง แถมสำเนียงการร้องเรียกได้ว่าสิบเต็มสิบ ดูในสตูดิโอถึงกับลุกขึ้นปรบมือให้หลังจากที่ร้องจบไป
และผู้ที่ถูกกระชากหน้ากากพลาดแชมป์กรุ๊ป D ไป ได้แก่ “หน้ากากปลาหมึก” คือสาวฮอตอันดับต้นๆของวงการบันเทิง “เอมมี่ มรกต กิตติสาระ” ที่ทำคนไทยช็อค!! ในพลังเสียงของเธอกันทั้งประเทศ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าก่อนว่าเธอจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้ แถมเล่นงามคณะกรรมซะอยู่หมัด ไม่มีใครตอบถูกเลยแม้แต่คนเดียว
ส่วนเหตุผลที่แฝงตัวตนมาใต้หน้ากากปลาหมึกก็เพราะว่า “จริงๆตอนเด็กมี่ชอบเรื่องลิตเติ้ล เมอร์เมด แล้วก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองสวยเท่าแอเรียล ก็เลยมองเห็นว่าตัวเองเป็นเออร์ซูลามาตลอดค่ะ แล้วความหมายของเออร์ซูลาก็คือ เขาอยากได้เจ้าชายมากค่ะ ก็เลยมีข้อแลกเปลี่ยนกับแอเรียลว่า ขอเสียงของแอเรียลมา มี่ก็เลยขอเป็นเออร์ซูลาที่ได้เสียงแอเรียลมาค่ะ”
นอกจากนั้นยังมีคำพูดซึ้งๆกินใจคนทั้งประเทศถึงสาเหตุที่มารายการนี้อีกว่า “ชอบรายการนี้มาก ติดตามคณะกรรมการและทุกท่านที่ขึ้นมาอยู่บนเวทีนี้ ตอนแรกก็ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเองเลย แต่ที่ตัดสินใจจริงๆเพราะว่า ตั้งแต่ประกวดนางงามมิสยูนิเวิร์สมา มี่อาจจะทำได้ไม่ดีพอไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาให้คนไทย ให้ทุกคนได้ภูมิใจในตัวมี่เหมือนคนอื่นๆ ค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเวทีนี้จะเป็นเวทีต่อไปที่มี่จะประกวดได้ มี่ขอทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้แต่ว่ามี่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ”
ชั่วข้ามคืนกระแสโซเชียลแห่ชื่นชอบถึงความสามารถของเธอคนนี้ในความพยายามที่ตั้งใจจะมอบความสุขให้กับทุกๆคนแฟนรายการ