เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ย.2566 เวลา 13.00 น.ณ ลานแถลงข่าส บช.น. : พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รรท.รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6,นายอุดมชัย โลหะณุต ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล 6 ร่วมแถลงข่าวกรณี จับกุมผู้ต้องหาชาย 2 รายผลการร่วมจับกุมยาเสพติดย่านพุทธมณฑล พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อซิกซาวเออร์ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม๊กกาซีน 1 แม๊ก (บรรจุกระสุน 16 นัด) ยาบ้า 3,080,000 เม็ด ยาไอซ์ 24 กิโลกรัม ยาอี 9,000 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.,พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ รอง ผบก.น.8 รรท.ผบก.น.6,พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.กก.สส.บก.น.6,พ.ต.ท.วิสิทธิ์ สายบัวทอง รอง ผกก.กก.สส.บก.น.6,พ.ต.ต.ปัณณวัชร์ จิรัฐธรรมฤทธิ์ สว.กก.สส.บก.น.6 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการยาเสพติด กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ทำการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ รายสำคัญ จึงได้ทำการจับกุมตัว 1.นายต้นฯ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย,2.นายณรงค์เกียรติฯ อายุ 25 ปี ภูมิลำเนา ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีน 1 แม็ก (บรรจุกระสุนจำนวน 16 นัด),ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวมประมาณ 3,080,000 เม็ด,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมประมาณ 24 กิโลกรัม,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) รวมประมาณ 9,000 เม็ด,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า,ไอซ์ และยาอี) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยผิดกฎหมาย อันเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับที่ 1 เพิ่มเติมว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร” โดยจับกุมที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 64/22 หมู่บ้านกิตติชัย 12 ม.2 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนผู้ค้ายาเสพติดทางสื่อออนไลน์ จนสามารถจับกุมนายเอกรัตน์ฯ ผู้ค้ายาเสพติดโดยการโพสต์ขายทางทวิตเตอร์ ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 ได้สืบสวนขยายผลจับกุมตัวนายกิติพงศ์ฯ, นายสมศักดิ์ฯ กับพวกรวม 4 คน ผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายฝั่งธน ได้ของกลางยาบ้า 228,800 เม็ด,ไอซ์ 33 กก.,เคตามีน 36 กก.,เฮโรอีน 1 กก. จึงได้ทำการขยายผลจากนายกิติพงศ์ฯ ผู้ต้องหา ได้มารับยาเสพติดที่บริเวณในเขตพื้นที่ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวน เฝ้าสะกดรอย ติดตามพิสูจน์ทราบตัวบุคคลคือนายต้นฯ และ นายณรงค์เกียรติฯ ที่นำยาเสพติดมาส่งให้ นายกิติพงศ์ฯ และทราบสถานที่เก็บยาเสพติดอยู่ที่ย่านพุทธมณฑล
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2566 เวลาประมาณ 00.45 น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณ หน้าบ้านเลขที่ 64/22 หมู่บ้านกิตติชัย 12 ม.2 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านพักที่ใช้ในการเก็บยาเสพติด ได้มีนายต้นฯ และนายณรงค์เกียรติฯ โดยมีนายณรงค์เกียรติฯ ถือถุงพลาสติกอยู่บริเวณหน้าบ้านพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. พร้อมแม็กกาซีน บรรจุกระสุนจำนวน 16 นัด (ของกลางรายการที่ 1) อยู่ที่บริเวณเอวด้านหน้าของนายต้นฯ พบโทรศัพท์มือถือ (ของกลางรายการที่ 5) อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าขวาของนายต้นฯ สวมใส่อยู่ และพบโทรศัพท์มือถือ (ของกลางรายการที่5) อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าซ้ายของนายณรงค์เกียรติฯ สวมใส่อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสอบถามนายต้นฯ และนายณรงค์เกียรติฯ ให้การยอมรับว่าบริเวณภายในบ้านพักดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านพักที่ตนได้เช่าเอาไว้ มียาเสพติดจำนวนหลายรายการซุกซ่อนอยู่ จึงได้สมัครใจและยินยอมพาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 64/22 หมู่บ้านกิตติชัย 12 ผลการตรวจค้นพบของกลางยาบ้า ยาไอซ์และยาอี ดังกล่าวข้างต้น วางอยู่ที่พื้นบริเวณชั้น 1 สอบถามผู้ถูกจับทั้งสอง ให้การยอมรับว่าของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบนั้นเป็นของตนจริง โดยตนมีหน้าที่ในการนำยาเสพติดมาเก็บไว้ในบ้านพัก และมีหน้าที่ในการรับคำสั่งจากผู้ใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อว่า “ตะเวน แสวงหา” พักอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นผู้สั่งการให้นำยาเสพติดออกไปส่งให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อ โดยจะได้รับค่าจ้างคนละประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน สำหรับเงินค่าจ้างที่ได้ ได้เอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมสิทธิ์และรวบรวมของกลาง นำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างเคร่งครัด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย ในพื้นที่หรือในโซเชียลมีเดีย โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่