ตร.ไม่ดี 1 เปอร์เซนต์ทำ “ศานิตย์” ช้ำใจ หลังโวร้อยละ 99.99 เป็นตร.น้ำดี ล่าสุดเซ็นเด้ง 2 ผู้บังคับบัญชาของ 6 นายตำรวจค้ายา ฐานปล่อยปะละเลยลูกน้อง
กรณีตำรวจ สน.บางขุนนนท์ เข้าจับกุมตำรวจชุดสืบสวน สน.บวรมงคล ระดับรองสารวัตร 3 คน และชั้นประทวน 3 คน ประกอบด้วย ร.ต.อ.สุพัฒน์ ประจงหัตถ์, ร.ต.อ.เอกนิติธร พลบุญ, ร.ต.ท.วีระพล คำดี, ด.ต.ปริญญา จิตต์หาญ, จ.ส.ต.ภูณัช เนตรสว่าง และส.ต.ต.เรืองยศ สามบุญเรือ ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยว่า คดีนี้ สน.บางขุนนท์ เป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากฝ่ายสืบสวน บก.น.7 ร่วมกับ สน.บางขุนนนท์ สืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จึงสืบหาตัวคนร้ายจนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่เป็นพลเรือนได้ 2 คน จากนั้นขยายผลจนทราบว่าเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บวรมงคล เบื้องต้นได้สั่งให้ดำเนินมาตรการเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือตำรวจ เมื่อทำผิดก็ไม่ได้ละเว้น จึงสั่งการให้เร่งรัดจับกุม จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาศาลจังหวัดตลิ่งชันได้อนุมัติออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 คน ข้อหามียาเสพติดประเภทที่ 1 และประเภทที่ 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และคุมตัวส่งดำเนินคดี พร้อมของกลาง โดยสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด เมื่อข้าราชการทำผิดเอง ก็ต้องรับโทษหนักกว่าคนธรรมดา 3 เท่า กรณีนี้ต้องดำเนินคดี อย่างเข้มข้นและเด็ดขาด นอกจากนี้ยังสืบอีกว่าทั้ง 6 เชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพ ติดรายใดหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับส.ต.ต.พิษณุพงศ์ งามธุระ ผบ.หมู่งานปฏิบัติการจราจรโครงการพระราชดำริ 2 กก.6 บก.จร. ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
ผบช.น. กล่าวอีกว่า ได้รับรายงานว่ากลุ่มผู้ต้องหานี้ เพิ่งทำเป็นครั้งแรก พฤติกรรมไม่ได้เป็นคนขายโดยตรง แต่ไปจับกุมยาเสพติดและเรียกรับเอาผลประโยชน์ นำ “ของกลาง” ที่เหลือเอาไปจำหน่ายจ่ายโอน ไม่ใช่ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ช้ำใจเหมือนกัน อย่างไรก็ตามได้ว่ากล่าวตักเตือน อบรมสั่งสอนทุกอย่างแล้ว หากยังไม่กลับตัวกลับใจ ก็ต้องดำเนินไปตามมาตรการ แต่ขอกำลังใจให้ตำรวจดีๆ ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขอให้มีสมาธิ ตั้งมั่น เชื่อว่าประชาชนต้องให้โอกาสและให้กำลังใจตำรวจทำสิ่งดีๆ เพื่อประชาชน และบ้านเมือง
“ทุกสัปดาห์ที่มีการประชุมขับเคลื่อนนโยบายในการปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย ประเด็นหลักๆ ที่ย้ำตลอดคือ ขอให้ตำรวจทุกคนเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติ ป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดอาชญากรรม เรามีโครงการบ้านสีขาว ตัดวงจรผู้ซื้อผู้เสพ ไม่ให้มี ใครไปซื้อ ไม่ว่าเอามาขายยังไงก็ไม่มีใครซื้อ นอกจากนี้แล้วยังย้ำในเรื่องของโครงการครอบครัวตำรวจสีขาว เราไปทำให้ชาวบ้านขาวแล้ว ถ้าเรายังไม่ขาว มันก็จะเป็นที่ไม่ไว้วางใจ สิ่งที่น่าเสียใจคือเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ยังย้ำว่า ตำรวจ ลูกหลาน ญาติพี่น้องตำรวจ จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาชญากรรมทุกประเภท จะต้องอบรมสั่งสอนดูแลกัน ถ้าย้ำกันขนาดนี้แล้วยังมีออกนอกลู่นอกทาง ผู้กำกับสถานี สารวัตรสืบสวนที่เป็นหัวหน้าชุดของกลุ่มผู้ต้องหา ก็ต้องรับผิดชอบด้วย โดยหลังจากนี้ตนจะมีคำสั่งให้ มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) ต่อไป” พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวยืนยันว่า ตำรวจทั่วประเทศพยายามที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้มากที่สุด อาจมีบางคนที่เป็นส่วนน้อยที่ไม่ดี เราต้องพยายามปรับปรุงให้เขาเป็นคนดี ถ้าปรับปรุงแล้วไม่ดี นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้ง ย้ำกันตลอดว่าต้องทำให้ประชาชนไว้ใจ มองว่าทุกข์ประชาชนคือทุกข์ตำรวจ อะไรที่เป็นทุกข์ของประชาชน ไม่ต้องรอให้ใครสั่ง ลงไปขับเคลื่อนแก้ไขปรับปรุง ป้องกันและปราบปรามให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ต่อมาพล.ต.ท.ศานิตย์ ได้มีหนังสือคำสั่งเลขที่ 53/2560 ลงวันที่ 24 ก.พ.60 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เนื่องจากมีเหตุผลความจำเป็นในการให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และให้เป็นไปตามนโยบายการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งเพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีคำสั่งให้ 2 นายตำรวจ ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน.บวรมงคล 2.พ.ต.ท.สุภาพ เพชรรัตน์ สว.สส.สน.บวรมงคล มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง.