สื่อต่างประเทศ รายงานว่า หลุยส์ วิเดการาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ เม็กซิโก ออกมาแถลงการณ์ว่า รัฐบาลและประชาชนชาวเม็กซิกัน ไม่มีทางยอมรับการใช้มาตรการควบคุมพรมแดนเพียงฝ่ายเดียวจากสหรัฐ ซึ่งจะมีการผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายที่ไม่ใช่ชาวเม็กซิกัน เข้ามาภายในประเทศมากขึ้น พร้อมยืนยันว่า เม็กซิโก มีมาตรการควบคุมพรมแดนเป็นของตัวเองเช่นกัน และรัฐบาลไม่เคยลังเลที่จะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวจริงจัง
ด้าน กระทรวงมหาดไทยของเม็กซิโก ออกแถลงการณ์ ประณามมาตรการควบคุมพรมแดนครั้งใหม่ของรัฐบาลวอชิงตัน เช่นกันว่า เป็นการเจตนาคุกคาม ต่อเสถียรภาพด้านความมั่นคงของเม็กซิโก ในระดับที่ยากเกินยอมรับได้ โดยท่าทีดังกล่าวของ เม็กซิโก เกิดขึ้น ในขณะที่ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ เดินทางเยือนกรุง เม็กซิโก ซิตี้ อย่างเป็นทางการ เพื่อหารือกับ เอ็นนิเก้ เปญ่า เนียโต้ ประธานาธิบดีเม็กซิโก หลายประเด็นที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวพรมแดน และปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ด้านการตรวจสอบคนเข้าเมือง ตลอดจนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ พล.อ.จอห์น เคลลีย์ รมว.กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ (ดีเอชเอส) มีกำหนดเดินทางตามไปสมทบ เพื่อหารือในประเด็นด้านความมั่นคงตามแนวพรมแดนกับเม็กซิโก เป็นพิเศษ เนื่องจาก เคลลีย์ เป็นผู้ลงนามในคำสั่งใหม่ 2 ฉบับ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังต้องการยกระดับมาตรการกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าประเทศ ให้เข้มงวดมากกว่ายุคของ บารัค โอบาม่า ประธานาธิบดี โดยจะไม่มีการยกเว้นให้กับผู้อพยพทุกกรณี ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งเป็นเด็ก
ทั้งนี้ การเดินหน้าโครงการก่อสร้างกำแพงที่ เม็กซิโก ยืนกรานคัดค้าน และการเนรเทศผู้อพยพจากอเมริกากลางและอเมริกา โดยใช้เส้นทางผ่านเม็กซิโกเท่านั้น ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวเม็กซิกัน มากขึ้น