ศูนย์ข่าวภาคกลาง หนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ รายงานข่าวว่า
วันที่ 11 ตุลาคม 2566
เวลา 14.00 น. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณประตูระบายน้ำกุฏี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ อำเภอผักไห่ พบว่าระดับน้ำทรงตัว โดยเช้าวันนี้ กรมชลประทาน แจ้งสถานการณ์การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ที่สถานี C 13 จ.ชัยนาท ระบายน้ำอยู่ที่ 1,600 ลบ.ม./วินาที เท่ากับเมื่อวานนี้ ส่วนการระบายน้ำท้ายเขื่อนพระรามหก ระบายอยู่ที่ 203 ลบ.ม./วินาที และไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านสถานีวัดน้ำ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ปริมาณเฉลี่ย 1,731 ลบ.ม./วินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ได้รับรายงานตามจุดวัดน้ำต่างๆ อาทิ บริเวณวัดไชยวัฒนาราม และพระตำหนักสิริยาลัย ระดับน้ำทรงตัว
สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ทั้งหมด จำนวน 16 อำเภอ ซึ่งได้รับรายงานมีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้าน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-1 เมตร ซึ่งยังไม่กระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชนแต่อย่างใด จำนวน 7 อำเภอ 64 ตำบล 339 หมู่บ้าน 9,970 ครัวเรือน ประกอบด้วย อำเภอเสนา บางบาล ผักไห่ พระนครศรีอยุธยา บางไทร บางซ้าย และอำเภอบางปะหัน
ส่วนการสำรวจพื้นที่นาปี พบว่ามีความเสี่ยงกับการเสียหายอยู่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอมหาราช บางบาล ผักไห่ บางซ้าย และอำเภอพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 677.75 ไร่ เท่านั้น ที่คาดการว่าจะเสียหาย ซึ่งทางเกษตรจังหวัดได้ประกาศเตือนเกษตรกรให้ไปขึ้นทะเบียนที่สำนักงานเกษตรใกล้บ้าน เพื่อประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรเอง
ดังนั้น จึงขอแจ้งเตือนหน่วยงาน ผู้ประกอบการ และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณริมสองฝั่งริมแม่น้ำน้อย คลองบางบาล หัวเวียง ลาดชิด ท่าดินแดง ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่บริเวณที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงที หากเกิดสถานการณ์ ทั้งในช่องทางปกติ และผ่านทางช่องทาง Social Media ต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวภาคกลางหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ