สื่อต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (ดีเอชเอส) เผยแนวทางปฏิบัติงานใหม่ของเจ้าหน้าที่ สำหรับมาตรการกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายในประเทศ โดยจะเพิ่มอำนาจและความสะดวกให้กับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ไอซีอี), สำนักงานศุลกากรและปกป้องพรมแดน (ซีบีพี) ในการจับกุมผู้อพยพผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะลักลอบเข้าเมืองผ่านพรมแดนทางตอนใต้ของประเทศ
มาตราการดังกล่าว จะเน้นจับกุมเรื่องผู้อพยพไม่มีเอกสาร ซึ่งมีความผิดในคดีอาญา ทั้งคดีลหุโทษ หรือ คดีอุจฉกรรจ์ เช่นเดียวกับ มาตรการของรัฐบาล บารัค โอบาม่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงการกระทำความผิดเล็กน้อย อาทิ ละเมิดกฎจราจร, ขโมยของในร้านค้า, ผู้ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงในที่สาธารณะ และผู้ของรับสวัสดิการของรัฐโดยมิชอบ แต่จะให้ความคุ้มครองแก่ เด็กหรือผู้อพยพที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งจะแตกต่างจากรัฐบาล โอบาม่า ที่มอบความคุ้มครองให้กับผู้อพยพผดกฎหมายกลุ่มนี้ ประมาณ 750,000 ราย และผู้ปกครองอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาค้ามนุษย์
นอกจากนี้ ไอซีอี และซีบีพี ยังมีสิทธิ์ขาดเนรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ทันที หากบุคคลนั้นไม่สามารถแสดงหลักฐานว่า อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี ต่างจากรัฐบาลสมัย โอบาม่า ที่การเนรเทศทันที จะทำได้ก็ต่อเมื่อผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าประเทศมาไม่เกิน 14 วัน และอยู่ไม่ห่างจากแนวพรมแดนเกิน 100 ไมล์เท่านั้น ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมขณะที่พยายามข้ามแนวพรมแดน จะไม่ถูกผลักดันกลับในทันทีเช่นแต่ก่อน แต่จะถูกควบคุมตัวไว้ เพื่อดำเนินการเอาผิดและลงโทษ โดยจะต้องมีการสร้างศูนย์ควบคุมตัวเพิ่มเติม พร้อมว่าจ้างเจ้าหน้าที่เพิ่มอีกจำนวนมาก ขณะที่จำนวนผู้อพยพผิดกฎหมาย กำลังรอการเนรเทศมีอยู่ 534,000 ราย และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้มากกว่า 93,000 ราย เฉพาะเดือน ต.ค. – พ.ย. เมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสหรัฐฯ ประเมินจำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายในประเทศสูงราว 11 ล้านคน
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เดินหน้าโครงการก่อสร้างกำแพงยาวตลอดแนวพรมแดนติด เม็กซิโก ตามการใช้อำนาจพิเศษสั่งการของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดย พล.อ.จอห์น เคลลีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เสนอให้มีการเพิ่มการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ ไอซีอี เพิ่มอีก 10,000 นาย และอีก 5,000 นาย เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ด้าน ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการใหม่นี้ไม่ได้มุ่งเน้นให้เกิดการเนรเทศครั้งใหญ่ขึ้น แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมถือเป็นการส่งสัญญาณจากรัฐบาลว่า คนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่เป็นภัยต่อสังคมและก่ออาชญากรรม เป็นพวกแรกที่จะต้องออกไปจากสหรัฐฯ