วันจันทร์ ที่ 9 ตุลาคม 2566 เวลา 10.45 น. กลุ่มพิทักษ์พลังงานไฟฟ้าเพื่อประชาชน นำโดย นายธรรมยุทธ สุทธิวิชา อดีตประธานสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) , นายพิเชษฐ ชูชื่น อดีตผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าบางปะกง, นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เรื่อง การแต่งตั้งผู้ว่า กฟผ.และการแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพงผ่านนายโกมล บัวเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน ที่บ้านพิบูลย์ธรรม
“กลุ่มพิทักษ์พลังงานไฟฟ้าเพื่อประชาชน” ได้ทราบปัญหาการแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) คนที่ 16 มากว่า 6 เดือน แล้ว และปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยในส่วนของการแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) คนที่ 16 นั้น มีข้อเท็จจริง ดังนี้
- คณะกรรมการสรรหาและคณะกรรมการ กฟผ. ได้ดำเนินการสรรหาเป็นไปตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ และถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ โดยเห็นชอบให้ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 ต่อไป และได้รับการสนับสนุนและการยอมรับทั้งจากพนักงาน กฟผ. และ สหภาพแรงงาน กฟผ. เป็นอย่างดี
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีพลังงานเสนอแล้ว แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์ยุบสภา ครม. จึงให้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) แต่ กกต. มีความเห็นว่าควรให้ ครม. ในรัฐบาลชุดใหม่พิจารณา ดังนั้นเรื่อง จึงอยู่ที่รัฐมนตรีพลังงาน จึงเป็นความชอบธรรมที่รัฐมนตรีพลังงาน สามารถที่จะดำเนินการนำเสนอต่อ ครม. ใหม่ได้ทันทีเพราะได้ผ่านกระบวนการสรรหามาโดยชอบธรรมแล้ว
- หากมีการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. ใหม่ ก็จะไม่เป็นธรรมต่อ นายเทพรัตน์ ฯ และต้องใช้ระยะเวลานานไม่น้อยกว่า 3 เดือน พวกเราจำเป็นต้องทวงถามหาความเป็นธรรมให้กับผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 ที่ถูกคัดเลือกมาโดยชอบธรรมแล้ว เพราะเกรงจะถูกอำนาจมืดเข้ามาครอบงำ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการดำเนินงานทั้งของ กฟผ. บริษัท ในเครือ ตลอดจนการสนับสนุนงานให้กับ กระทรวง จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ท่านรัฐมนตรี ฯ โปรดพิจารณานำเสนอ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เข้า ครม. เพื่อเห็นชอบแต่งตั้งเป็น ผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 ต่อไป และในส่วนของค่าไฟฟ้าที่แพง ทาง กลุ่มพิทักษ์พลังงานไฟฟ้าเพื่อประชาชน” ขอสรุปว่า 1. สร้างความสมดุลระหว่าง Demand และ Supply ให้เหมาะสมตามความเป็นจริง พร้อมกำหนดปริมาณไฟฟ้าสำรองให้เหมาะสมกับความต้องการในการรักษาไว้ (Maintain) ซึ่งความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าภาพรวมของประเทศไม่ให้มีไฟตกไฟดับในบริเวณกว้าง โดยพิจารณาให้เหมาะสมตามรายภาคด้วย ซึ่งจะสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงอย่างสมเหตุสมผล
- รับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เหมาะสมกับ Demand ที่แท้จริงในแต่ละพื้นที่ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนไฟฟ้าฐานที่เกิดจากการลงทุนปรับปรุงหรือก่อสร้างสายส่งใหม่โดยไม่จำเป็นอย่างสมเหตุสมผล
3.ทบทวนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ให้มีความสมดุลกับ Deman
ปัจจุบัน โดยสามารถตอบสนองนโยบายลดโลกร้อนได้ตามความเหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่ประชาชนและภาคธุรกิจจะต้องรับภาระเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องสร้างโรงไฟฟ้าชนิด Conventional มาสำรองในปริมาณที่เท่ากัน ซึ่งจะส่งผลกับต้นทุนไฟฟ้าฐานให้สูงขึ้นโดยผ่าน Ft - ปรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่าภาคเอกชน เพื่อช่วยลดภาระค่าความพร้อมจ่าย (AP: Available Payment) ที่รัฐบาลจะต้องจ่ายให้โรงไฟฟ้าเอกชนตลอดระยะเวลาของสัญญาไม่ว่าจะเดินเครื่องหรือไม่ซึ่งจะถูกนำไปรวมใน Ft ส่งผลให้ประชาชนต้องรับภาระค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่โรงไฟฟ้า กฟผ. จะไม่มีค่าความพร้อมจ่าย (AP) จะคิดค่าไฟฟ้าตามที่ผลิตจริง
- เปิดเสรีการนำเข้า Gas LNG โดยไม่ปิดกั้นการนำเข้าตลอดจนเงื่อนไขการขอใช้ท่อ Gas และ ถังจัดเก็บ Gas (Terminal) ให้เป็นประโยชน์และคล่องตัวทั้งต่อภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ต่ำลงและเศรษฐกิจในภาพรวม
นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอนำความจริง จากผู้รู้จริง เรื่องไฟฟ้ามาให้ นายพีระพันธุ์ และกลุ่มขอนัดพบท่านรัฐมนตรีผ่าน นายโกมล บัวเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน ต่อไป