แนะนำ 10 วิธีซื้อมือถือ Android มือสองง่าย ๆ ให้ปลอดภัย และคุ้มค่า ซื้อมือถือมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง
ก่อนหน้านี้แนะนำวิธีซื้อ iPhone มือสองไปแล้ว คราวนี้ขอเอาใจคนที่กำลังมีแผนจะซื้อมือถือ Android มือสอง แต่ยังลังเลไม่กล้าที่จะซื้อ เนื่องจากมือถือ Android มีหลายแบรนด์, หลายรุ่น, หลายราคา และที่สำคัญกลัวปัญหาต่าง ๆ จะตามมาหลังการซื้อ-ขาย
สำหรับวิธีซื้อมือถือ Android มือสองจากประสบการณ์จริงมาแนะนำด้วยกัน 10 วิธี เพื่อเป็นแนวทางก่อนตัดสินใจซื้อมือถือมือสอง ถ้าพร้อมแล้วมาติดตามกันเลย
วิธีซื้อมือถือ Android มือสอง
1. ตรวจสอบงบประมาณ
ถือเป็นสิ่งจำเป็นลำดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับการจะเลือกซื้อมือถือมือสองที่จะได้เครื่องในราคาสุดคุ้ม ซึ่งคุณต้องดูงบประมาณตัวเองก่อนว่าต้องการมือถือในระดับไหน โดยวิธีดูมือถือที่อยู่ในงบประมาณสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ง่าย ๆ ให้ผู้ซื้อหักลบมือถือจากราคามือหนึ่งกับมือถือราคามือสองลง 2,000-3,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของเครื่องอีกที เช่น วางงบไว้ไม่เกิน 5,000 บาท ก็จะสามารถซื้อมือถือมือสองที่วางจำหน่ายในราคามือหนึ่ง อยู่ประมาณไม่เกิน 8,000 บาท
2. ตรวจสอบความจำเป็นว่าต้องการใช้ทำอะไร
อีกข้อที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อมือถือมือสองที่เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น เน้นใช้ทำงาน, ใช้เล่นเกมหรือใช้ถ่ายรูป ซึ่งมือถือปัจจุบันเบื้องต้นสามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ เนื่องจากมือถือแต่ละรุ่นจะชูจุดเด่นอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนที่ไม่รู้ว่าจะเช็กยังไง ให้ดูตามที่แนะนำดังนี้
– มือถือใช้ทำงานทั่วไป แนะนำหน่วยความจำภายในขั้นต่ำ 16GB, รองรับ microSD Card และแรม 2GB ขึ้นไป
– มือถือสำหรับเล่นเกม แนะนำหน่วยความจำภายในขั้นต่ำ 32GB, รองรับ microSD Card, ซีพียูต้องรองรับความละเอียดของหน้าจอแสดงผลกราฟิก 720p ขึ้นไป
– มือถือที่เน้นถ่ายรูปให้ดูที่ความละเอียดเบื้องต้นของกล้องหน้าและกล้องหลัง เช่น กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลและกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลขึ้นไป ส่วนจะได้เลนส์กล้องคุณภาพแค่ไหนขึ้นอยู่กับงบประมาณผู้ซื้ออีกที
3. เตรียมเอกสารสำเนาซื้อ-ขายมือถือมือสอง
เอกสารซื้อ-ขายมือถือมือสองถือเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อป้องกันการรับซื้อของโจรหรือบุคคลที่ไม่หวังดี โดยเอกสารการซื้อ-ขายมือถือมือหาดาวน์โหลดได้จากทางอินเทอร์เน็ต หรือจะเซ็นสำเนาบัตรประชาชนพร้อมเซ็นชื่อกำกับการซื้อ-ขายมือถือเท่านั้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน
4. ตรวจสอบสภาพเครื่องและอุปกรณ์
ทำการตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ ตัวเครื่อง ตามมุมต่าง ๆ จะต้องไม่มีรอยตกหล่นหรือบิ่นใด ๆ สำหรับผู้ซื้อที่ต้องการมือถือมือสองที่อยู่ในสภาพที่ดี ส่วนอุปกรณ์จะต้องไม่ชำรุดหรือเป็นของยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ของแบรนด์ที่ซื้อ หากกรณีนี้ ผู้ซื้อสามารถต่อรองราคาลงได้อีก เนื่องจากตัวเครื่องมีสภาพต่างไปจากที่คุยเบื้องต้น รวมถึงอุปกรณ์ไม่ใช่ของแท้
5. ตรวจเช็กประกัน (กรณีซื้อเครื่องศูนย์)
เรียกขอดูใบเสร็จเพื่อเช็กวันแรกที่ซื้อเครื่องมาเพราะมือถือ Android ประกันจะอ้างอิงจากใบเสร็จที่ซื้อมาตั้งแต่วันแรกเท่านั้น
6. ตรวจสอบเลข IMEI เครื่องกับกล่องต้องตรงกัน
เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจผู้ซื้อจะต้องตรวจสอบให้ละเอียดทั้งตัวเครื่องและกล่องใส่อุปกรณ์จะต้องเป็นเลข IMEI ที่ตรงกันเท่านั้น เพราะถ้าตัวเครื่องกับกล่อง IMEI ไม่ตรงกันแสดงว่ามือถือดังกล่าวที่กำลังจะซื้ออาจเป็นเครื่องย้อมแมวนำมาขายได้
7. ทดสอบการใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ ของเครื่อง
ทำการทดสอบการใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ แต่ละฟังก์ชั่นอย่างละเอียดให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น กล้องถ่ายรูปสามารถถ่ายได้ปกติ, ปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียงใช้งานได้ปกติ, เชื่อมต่อสัญญาน Wi-Fi ได้ปกติ, ปุ่มทัชสกรีนจะต้องใช้ได้ปกติทุกปุ่ม, ปุ่ม Power เปิด-ปิดเครื่องได้และปุ่ม Home ใช้งานได้ปกติ รวมถึงเซ็นเซอร์ทำงานปกติทุกอย่าง
8. ตรวจสอบหน้าจอมือถือ (Dead Pixel) ด้วยแอพฯ
ใช้แอพฯ ทดสอบหน้าจอเพื่อหาจุด Dead Pixel โดยการสังเกตง่าย ๆ ให้ผู้ซื้อดูที่มุมจอและพื้นที่บนหน้าจอจะต้องเป็นสีพื้นล้วน ๆ เท่านั้น ซึ่งหากพบจุดสีแปลก ๆ แสดงว่าจอไม่ปกติ สำหรับ
9. ตรวจสอบแบตเตอรี่มือถือ
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการซื้อมือถือมือสอง ก็คือเรื่องแบตเตอรี่ และเพื่อป้องกันการซื้อมือถือมือสองแบตเตอรี่ที่เริ่มมีอาการเสื่อมแล้ว ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบแบตเตอรี่มือถือ Android ได้ง่าย ๆ ทั้งผ่านทางแอพฯ และตัวเครื่อง
10. ตรวจเช็กราคาซื้อมือถือ Android มือสองของรุ่นที่ซื้อ
สุดท้ายเพื่อป้องกันการถูกหลอกขายเกินราคาจากพ่อค้า ผู้ซื้อควรตรวจสอบราคาจากเว็บไซต์ขายมือถือมือสองต่าง ๆ เบื้องต้นก่อนการซื้อ-ขาย โดยปัจจุบันเว็บไซต์ขายมือถือมือสองมีหลายแห่ง เช่น กลุ่มผู้ใช้มือถือและกลุ่มซื้อ-ขายมือถือต่าง ๆ บน Facebook