พ่อบังคับลูกชายวัย 14 ปีให้ขับรถจยย.ช่วยนำร่างเพื่อนร่วมงานที่ถูกตนเองทำร้ายจนสลบไปโยนทิ้งแม่น้ำตรัง
เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชุดประดาน้ำมูลนิธิกุศลสถานตรัง จำนวน 3 คน ร่วมกันดำน้ำบริเวณใต้สะพานย่านซื่อ ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำตรัง ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อช่วยกันงมหาร่างของนายทองสุข ดอนเป๊ะ อายุ 37 ปี บ้านเดิมอยู่ ต.โนนทอง อ.นายูง จ.อุดรธานี ที่ถูกทำร้ายจนสลบและถูกนำร่างไปโยนทิ้งในแม่น้ำตรังใต้สะพานดังกล่าว แต่เนื่องจากกระแสน้ำที่สูงและเชี่ยวกราก การค้นหาจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก จึงต้องยุติการค้นหาในเวลาต่อมา
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายยงยุทธ เข็มจันทร์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 322 หมู่ 7 ต.โนนทอง อ.นายูง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หนองตรุด อ.เมือง ว่านายทองสุข ดอนเป๊ะ ซึ่งเป็นคนงานตัดไม้ยางพารา ถูกนายจอมเพชร เทวี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ 7 ต.แประ อ.ท่าแพ จ.สตูล ภูมิลำเนาเดิมเป็นชาว จ.หนองคาย ซึ่งเป็นคนงานตัดไม้ยางพาราด้วยกัน ทำร้ายร่างกายจนสลบ และนายจอมเพชรได้นำตัวนายทองสุขหายไปโดยไม่ไปทำงานและไม่กลับบ้าน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 24.00 น.ของคืนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ขอให้ตำรวจช่วยออกตามหา
ต่อมาทางตำรวจ สภ.หนองตรุด ได้ทำการสอบปากคำเพื่อนคนงาน ที่อยู่บ้านเช่าใกล้กัน ใน ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง ทราบว่าในคืนเกิดเหตุนายทองสุข กับนายจอมเพชร นางสุกัญญา (ภรรยานายจอมเพชร) และเพื่อนๆรวม 4 คน ได้ตั้งวงดื่มเหล้ากันภายในห้องเช่า พื้นที่หมู่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จากนั้นมีการทะเลาะโต้เถียงกันขึ้น ระหว่างนายจอมเพชรกับนายทองสุข โดยนายจอมเพชรได้ทำร้ายร่างกายนายทองสุขจนสลบ ขณะที่ทุกคนได้วิ่งหนีกระเจิง คงเหลือเฉพาะนายจอมเพชร กับนายทองสุขเท่านั้น และต่อมานายจอมเพชรได้เรียกลูกชาย คือ เด็กชายเอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี บุตรชายของนายจอมเพชรให้ขับรถจักรยานยนต์ให้และออกไปข้างนอก โดยที่ไม่ทราบว่าหายไปไหน และนายทองสุขก็หายตัวไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบปากคำเด็กชายเอ (นามสมมุติ) บุตรชายของนายจอมเพชร ซึ่งเด็กชายเอ ก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า หลังเกิดเหตุพ่อ (นายจอมเพชร) ได้ตะโกนเรียกตนเองซึ่งนอนหลับอยู่ในบ้าน และให้ตนเองขับรถจักรยานยนต์ไปให้ โดยนำน้าทองสุขนั่งกลาง และพ่อ (นายจอมเพชร) นั่งซ้อนหลังสุด จากนั้นบังคับให้ตนเองขับรถมาที่ใต้สะพานย่านซื่อดังกล่าว จากนั้นพ่อได้อุ้มร่างน้าทองสุขไปใต้สะพาน แล้วพ่อ (นายจอมเพชร) ก็กลับออกมา โดยบอกว่านำน้าทองสุขไปทิ้งน้ำแล้ว และบังคับตนเอง ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร จนกระทั่งเมื่อตำรวจนำตัวไปสอบปากคำ เด็กชายเอ ก็ยอมรับสารภาพทั้งหมด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาใคร เนื่องจากยังไม่พบร่างนายทองสุข ที่เชื่อว่าน่าจะเสียชีวิต เนื่องจากจมหรือลอยไปกับน้ำแล้ว เพราะถูกทำร้ายอยู่ในอาการสลบเหมือด และเมาสุราคงไม่สามารถช่วยตัวเองได้ จากนั้นได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาชี้จุดเกิดเหตุใต้สะพานดังกล่าว ซึ่งในที่เกิดเหตุใต้สะพานใกล้ป่าจาก ทางลงน้ำ เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดสดๆของนายทองสุขตกอยู่บนกองจากที่ทับถมกันอยู่ใต้สะพานด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันหลังทราบเรื่องและขณะรอชุดประดาน้ำ หัวหน้าคนงานและเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งเด็กชายเอ (นามสมมุติ) บุตรชายของนายจอมเพชร กับนางสาวสุกัญญา วงษ์หาญ ผู้เป็นแม่ (และเป็นภรรยาของนายจอมเพชร) ได้เดินทางมาที่ใต้สะพาน พร้อมนำเรือหางยาวออกค้นหาร่างของนายทองสุขตามบริเวณแนวป่าจาก ริมแม่น้ำตรังตลอดทั้งวัน แต่ไม่พบ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมาถึงได้ดำน้ำลงไปหา แต่ยังไม่พบ จึงยุติการค้นหาชั่วคราว