วันที่ 28 กันยายน 2566 นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้ส่งหนังสือถึงพลตำรวจเอกวัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) และนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ปปช. เพื่อติดตามทวงถามกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 คดีระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ กับพันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย มูลค่าความเสียหายจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (เงินกู้ยืมจำนวน 4,000 ล้านบาท) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งของคำพิพากษาระบุว่า “กรณีจึงเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ชอบที่จะต้องแจ้งให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้จำเลยนั้นชดใช้ความเสียหายนั้นเอง ไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจโจทก์มีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ค่าเสียหายให้แก่กระทรวงการคลังเข้ามาในคดีนี้ได้ จึงต้องยกคำขอโจทก์ในส่วนนี้” แต่ไม่ปรากฏข่าวต่อสาธารณะว่า ปปช.ได้ดำเนินการคืบหน้าอย่างไร
นายวัชระกล่าวว่า “ผมจึงอาศัยอำนาจตามพรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ถาม ปปช.ว่าบัดนี้ระยะเวลาล่วงเลยมาแล้ว 4 ปี 5 เดือน
- สำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งกระทรวงการคลังให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้วหรือไม่ อย่างไร
- หากสำนักงาน ป.ป.ช. ยังไม่ได้แจ้งกระทรวงการคลังให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะเร่งดำเนินการเมื่อไหร่ อย่างไร และขอให้ส่งสำเนาเอกสารผลการดำเนินงานของ ปปช. ให้ทราบด้วย
ถ้าไม่มีคำตอบ ผมจะมาทวงหนี้ให้ประเทศทุกๆเดือนจนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา”
“ผมไม่ขัดข้องที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะแต่งตั้งนายทักษิณเป็นประธานที่ปรึกษาของรัฐบาล เพราะมีความรู้ความสามารถจริง มีความเชี่ยวชาญในกิจการต่างประเทศเป็นอย่างมาก ควรที่จะมาพัฒนาประเทศร่วมกันแต่นายทักษิณต้องคืนเงินที่เอาไปให้กับประเทศของท่านบ้าง เพราะคนยากจนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน” นายวัชระกล่าว