.
เตือน RSV และไข้หวัดใหญ่ กำลังระบาดอย่างหนัก ความแตกต่างของกลุ่มอายุ เป็นแล้วเป็นซ้ำได้อีก
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า RSV เป็นโรคที่เป็นแล้วเป็นได้อีก เด็กบางคนเป็นได้ทุกปี โดยพบว่าในการเป็นครั้งแรกจะมีอาการมากที่สุด
โดยปกติมากกว่า 80% จะได้รับภูมิต้านทานส่งต่อจากมารดาและภูมินี้จะหมดไปที่ประมาณ 6 เดือนหลังคลอด
เด็กจึงมีโอกาสติด RSV ครั้งแรกหลัง 6 เดือนขึ้นไปได้สูง และเป็นเด็กเล็กอาการที่เกิดหลอดลมอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ จึงค่อนข้างเด่นชัด และเป็นเหตุให้ต้องนอนโรงพยาบาล ถ้ามีอาการมากถึงกับต้องให้ออกซิเจน
โดยทั่วไปแล้ว การรักษาจะเป็นการแบบประคับประคองรอเวลาแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ผู้ที่เสียชีวิตจาก RSV ในประเทศไทยพบน้อยมากๆ ยกเว้นในประเทศยากจนที่เด็กขาดอาหาร ร่างกายไม่แข็งแรง
เมื่อเป็นแล้วภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นไม่สามารถที่จะปกป้องการติดเชื้อในปีต่อไปได้ ก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก
จากการศึกษาของเราที่ศูนย์ เราพบว่า
- RSV และไข้หวัดใหญ่ พบได้ทุกอายุ ตั้งแต่เด็กเล็กกว่าปีแรกจนถึงผู้สูงอายุ
- ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ RSV พบได้ในกลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปีและรองลงมาคือผู้สูงอายุ
- ตรงกันข้ามกับไข้หวัดใหญ่ จะพบมากในเด็กที่มีอายุเกิน 5 ปี จนถึงผู้สูงวัย
ดังได้กล่าวมาแล้วว่าโรคทั้งสองนี้ เมื่อเป็นแล้วสามารถเป็นซ้ำได้อีก - ส่วนใหญ่แล้วเด็กในวัยเรียน ร่างกายแข็งแรงดี ความรุนแรงของโรคก็จะไม่มาก แต่จะแพร่กระจายโรคได้ดี โรคไข้หวัดใหญ่การระบาดจึงเกิดขึ้นในโรงเรียน
- ส่วน RSV มักเกิดขึ้นในสถานเลี้ยงเด็ก และเด็กอนุบาล เพราะติดต่อกันได้ง่ายมากเป็นปีนี้แล้วปีหน้ามีโอกาสเป็นได้อีก”.
การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับไข้หวัดใหญ่ และ RSV ก็คงหนีไม่พ้นวิธีการป้องกันเช่นเดียวกันกับการป้องกันโควิด-19
ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือ ดูแลสุขอนามัย ใส่หน้ากากอนามัยในที่มีคนหนาแน่น ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หรือมีอาการทางเดินหายใจ ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค
ที่มา: สำนักงานประสัมพันธ์ อุตรดิตถ์
รายงาน: นายภากร แหลมหลัก ผู้สื่อข่าว5เหล่าทัพ