นายตภิกฤษ พวงกุหลาบ ประธานชมรมคนไม่กลัวอิทธิ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสถานประกอบการชื่อร้านเดอะณัฐชาผับที่ตั้งอยู่ ภายในถนนคนเดิน walking street พัทยา และขอสอบถามความคืบหน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ของเมืองพัทยา ได้ติดคำสั่งประกาศระงับการก่อสร้างและห้ามใช้อาคารดังกล่าว ตาม พรบ ควบคุมอาคาร ค.3 ค.4 และค.6 หลังจากที่เมื่อปี 64 สถานประกอบการแห่งนี้ถูกเพลิงไหม้
ซึ่งหลังจากที่ทางเมืองพัทยา ได้ติดประกาศคำสั่งกลับพบว่าทางเจ้าของหรือผู้บริหารเพิกเฉย ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของทางเมืองพัทยา ซี่งตัวแทนของเมืองพัทยา จึงได้มีการเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ซึ่งจนถึงขณะนี้สถานประกอบการแห่งนี้ ก็กลับมาเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวตามปกติ
ขณะเดียวกันด้านตัวแทนและผู้บริหารเดอะนัชชาผับพัทยา ได้ติดต่อเพื่อให้ข้อมูลว่าสำหรับคำสั่งที่ทางด้านเทศบาลฯนำไปติดนั้น ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงเพลิงไหม้จากห้องที่เก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงเท่านั้น ไม่ได้ถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด ไหม้เพียงบางส่วน เพราะฉนั้นตนเองในฐานะผู้ประกอบการก็สามารถที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยที่ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และระหว่างนี้ตนเองก็ให้ทีมกฎหมาย ร้องต่อศาลปกครองเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วย
ขณะที่ฝั่งเมืองพัทยา ก็โต้แย้งว่าเพลิงไหม้ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ไหม้เพียงบางส่วนแต่ไหม้เกือบทั้งหมด ส่วนการดำเนินคดีเกี่ยวกับใบอนุญาตสถานประกอบการ เป็นหน้าที่ ของฝ่ายปกครอง อ.บางละมุง กับ สภ.เมืองพัทยา เมืองพัทยา มีแค่ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องของ พรบ ควบคุมอาคารเท่านั้น
เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ชมรมฯ ได้ติดต่อไปยังนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี โดยนายธวัชชัย ระบุว่าสำหรับเดอะนัชชาผับ พัทยา ถือว่าในเวลานี้ สถานประกอบการแห่งนี้ ยังไม่สามารถให้เปิดให้บริการได้ ส่วนการอ้างถึงใบอนุญาต ที่อยู่ในระหว่างการยื่นต่อใบอนุญาต ทางจังหวัดก็ยังไม่ได้อนุญาตให้แต่อย่างใด เพราะมีรายละเอียดที่เกี่ยวกับเรื่องของเมืองพัทยาที่ได้มีการปิดคำสั่ง พรบ.ควบคุมอาคาร ห้ามไม่ให้ใช้อาคารหรือต่อเติมส่วหนึ่งส่วนใดก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามทางชมรมฯ เตรียมเข้าพบนายอำเภอบางละมุง เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุด และเชื่อว่าหากเดอะนัชชาผับ กระทำผิดกฎหมาย ตามข้อหนึ่งข้อใดจริง ก็จะมีอีกหลายๆแห่ง ที่อาจจะถูกสั่งปิดหรือให้มีการรื้อถอนรวมไปในนี้ด้วย เบื้องต้นคาดว่านับ 100 รายที่เข้าข่ายทำผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน
สุดท้ายแล้วตัวบทกฎหมายจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ หรือปฎิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายหรือไม่ หน่วยงานของรัฐของแต่ละหน่วยงาน น่าจะทราบหรือรู้อยู่แก่ใจดี และประชาชนนักท่องเที่ยวเมืองพัทยา เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จับตามองเรื่องนี้ แต่ยังมีประชาชนอีกทั้งประเทศ ที่จะรอดูว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร