กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ และกำหนดให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำความผิดจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพ
สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายได้ติดต่อกับคนร้ายผ่านทางบัญชี Facebook บัญชีคนร้ายใช้ชื่อว่า “Pinouy” ชักชวนบุคคลทำงานหารายได้เสริมกดไลก์สินค้าของเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ผู้เสียหายสนใจติดต่อไปยังเฟสบุ๊คดังกล่าวและได้ติดต่อกันทางแอปพลิเคชั่นไลน์ โดยผู้กระทำผิดอ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัท 1โปรลิงค์ จำกัด ได้รับมอบหมายให้มาแนะนำวิธีการทำงานอ้างว่าลักษณะงานคือจะได้ผลตอบแทน 10 บาท ต่อการกดไลก์ 1 ไลก์ และจะต้องโหลดแอปพลิเคชั่นผ่านทางลิงก์ เพื่อใช้ในการลงทะเบียนและทำงาน ซึ่งการทำงานจะต้องโอนเงินสำรองค่าสินค้าที่ทางบริษัทส่งมาให้กดไลก์ โดยครั้งแรกทดลองงานโอนไป 100 บาท หลังจากทำงานเสร็จพบว่ามียอดเงินเข้ามาในแอป จำนวน 138 บาทจึงกดถอนเงินปรากฎว่าถอนเงินออกได้ ต่อมาจึงได้ทำงานต่อโอนเงินไป 500 บาท ปรากฎว่าถอนเงินออกได้ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ถอนออกได้คือ 5,000 บาท หลังจากนั้นมีการเสนอกิจกรรมพิเศษ จะได้รับค่าตอบแทนร้อยละ 20 ถึง 50 ของเงินที่ลงทุน โดยจะต้องทำงานทั้งสิ้น 2 กิจกรรมคือผู้เสียหายทำจนครบทุกกิจกรรม แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ โดยให้เหตุผลต่างๆหลอกล่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่ม ซึ่งได้โอนเงินเพิ่มไปให้ทั้งสิ้น 17 ครั้ง เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 1,515,030 บาท และได้รับเงินคืน 4 ครั้ง จำนวนเงิน 9,038 บาท โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายใช้บัญชีมาจากที่ต่างๆ กว่า 11 บัญชี หลายธนาคาร และรวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งสามารถออกหมายจับคนร้ายที่ทำหน้าที่ต่างๆ ในขบวนการได้เพิ่มเติม โดยมีผู้เสียหายในคดีนี้มีความเชื่อมโยง 14 บัญชี รับแจ้งความออนไลน์ในความรับผิดชอบ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งมีลักษณะเป็นขบวนการหลอกลวงโดยการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะหลอกให้ทำงานออนไลน์
ต่อมาจึงได้ทำการสืบสวนหาข่าวเพื่อพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดีนี้ต่อมาวันที่ 6 ส.ค.2566 เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปกปิดนาม) แจ้งกับเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ว่าได้พบเห็น บุคคลตามหมายจับพักอาศัยอยู่ในบ้าน ม.3 ตำบลบางขัน อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้เดินทางมาถึง สถานที่ดังกล่าว พบ น.ส.เอ อายุ 28 ปี ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ พร้อมทั้งได้แสดงหมายจับและแจ้ง
ข้อกล่าวหาให้ทราบว่า ว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงจับกุมพร้อมทั้งได้แจ้งสิทธิของผู้ถูกจับให้ทราบ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน