“รัฐบาลเพื่อไทย” ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กับ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม ต้องรับแรงเสียดทานจากสังคมไม่น้อย ในการขับเคลื่อนกองทัพให้สอดรับสถานการณ์และบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนไป ทั้งการจัดสรรงบประมาณ จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
ประเด็นเหล่านี้ พรรคเพื่อไทย ในฐานะฝ่ายค้านเคยใช้โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมประกาศเป็นนโยบายของพรรค หากได้เป็นรัฐบาลจะเข้ามาบริหารจัดการกองทัพไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ทั้งปรับลดงบประมาณ ปฏิรูปกองทัพ ลดจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์
ที่ร้อนสุด เรือดำน้ำขาดเครื่องยนต์ ภายหลัง พล.ร.อ.เชิงชาย เชิงชมแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนปัจจุบัน ได้ลงนามเห็นชอบเครื่องยนต์ CHD 620 ที่ผลิตจากบริษัทของจีนแทนเครื่องยนต์ MTU ของเยอรมัน ติดตั้งในเรือดำน้ำ S26T ของไทย
ส่วนขั้นตอนต่อไป กองทัพเรือ เตรียมเสนอ รมว.กลาโหม ลงนาม เพื่อขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ใหม่อีกครั้งในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนสัญญาในส่วนเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้านำมาขับเคลื่อนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ รวมถึงได้รับข้อเสนอในการเพิ่มการรับประกันจาก 10 ปี เป็น 20 ปี การส่งกำลังบำรุง อะไหล่ และระบบอาวุธในเรือเพิ่มเติม
ปัญหาเรือดำน้ำลำแรก เป็นมหากาพย์ที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้โจมตีกองทัพเรือในเรื่องการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ที่สร้างความเสียหายต่องบประมาณประเทศ อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตถึงการทำสัญญาไม่ใช่การซื้อแบบจีทูจี พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกสัญญา เรียกค่าเสียหาย หลังฝ่ายจีนที่ไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์เยอรมันติดตั้งในเรือดำน้ำไทยได้
ในขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทย ยังเคยตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพเครื่องยนต์ CHD 620 ที่ผลิตในจีน หากกองทัพเรือเดินหน้าเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดังกล่าว ทดแทนเครื่องยนต์ MTU เยอรมัน ว่าเป็นการลดสเปก และเปรียบไทยเป็นหนูทดลอง เนื่องจากยังไม่เคยใช้ติดตั้งในเรือดำน้ำของชาติใดมาก่อน
ไม่เกิน 2 เดือนต่อจากนี้ ต้องจับตา “สุทิน คลังแสง” ในฐานะ รมว.กลาโหม จะเป็นผู้พิจารณาลงนามอนุมัติปรับเปลี่ยนสัญญาใช้เครื่องยนต์จีนติดตั้งในเรือดำน้ำไทย ตามที่กองทัพเรือเสนอ และส่งต่อให้ ครม. ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ นั่งหัวโต๊ะพิจารณาอนุมัติหรือไม่
“หลังรัฐบาลแถลงนโยบายจะให้ความชัดเจนผมมีทางออกอยู่ในใจ และเป็นทางอออกที่ดี
คือ 1)กองทัพต้องพอใจ 2)ประชาชนและสังคมรับได้ มีเหตุผลอธิบายได้ และต้องพูดคุยกับกองทัพเพราะเป็นหน่วยงานที่จะต้องใช้งาน แม้จะมีการพูดคุยกันไปแล้วบ้าง แต่ยังไม่ละเอียด ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน
ส่วนยังเป็นเรือดำน้ำจีนหรือไม่นั้น ยังไม่ตัดสินใจว่าเป็นทางใดทางหนึ่ง อาจจะไม่ใช่จีน คนไทยอยากได้อะไร ส่วนแนวโน้มยกเลิกสัญญานั้นผมขอดูรายละเอียดเพิ่มเติม และหารือหลายฝ่าย เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ยังไม่บอกว่าจะยกเลิกหรือจะเดินหน้า ส่วนที่ผ่านมาเราผ่อนจ่ายไป 7,000 ล้านบาทแล้ว และคณะเจราจาของกองทัพเรือ หยั่งเชิงแล้ว ดูเหมือนทางจีนจะไม่คืนเงิน ผมคิดว่าถ้ายกเลิกโครงการ การเจรจาถ้าระดับหนึ่ง ก็อาจจะมีปัญหา แต่ถ้าคนอีกระดับหนึ่งไปเจรจา ก็อาจจะจบ” นายสุทิน ระบุ