เมื่อวันที่ 4 ก.ย.66 ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย
รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1, พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.,
พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2
บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.สส.บก.ตม.4, พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้ 1.สืบสวน ตม.4 ทลายเครือข่ายขนคนจีนข้ามชาติ กก.สส.บก.ตม.4 ทลายเครือข่ายขนคนจีน โดยการหลอกคนจีนด้วยกันมาทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการกระทำความผิด มีพฤติการณ์กระทำความผิดซ้ำเหมือนกันทุกครั้ง กล่าวคือ กลุ่มขนคนจีนจะทำงานกันเป็นขบวนการตั้งแต่รับตัวคนจีนจากชายแดนไทยผ่านช่องทางธรรมชาติริมแม่น้ำโขง บริเวณ จว.มุกดาหาร เข้ามายัง อ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา แล้วสับเปลี่ยนรถและส่งตัวคนจีนให้กับทีมขนคนจีนอีกทีมซึ่งมาจาก อ.แม่สอด จว.ตาก
จากนั้นทีมขนคนจีนจาก อ.แม่สอด จว.ตาก จะพาคนจีนข้ามไปยังประเทศพม่า โดยเครือข่ายขนคนจีนในครั้งนี้ ถูกจับกุมทั้งหมด 5 ครั้ง มีรายละเอียดดังนี้ ครั้งที่ 1 จับคนไทยได้ 1 ราย คนจีน 5 ราย ที่ จว.มุกดาหาร เมื่อประมาณปลายเดือน มี.ค.66 โดย กก.สส.บก.ตม.4 จับกุม นายวรพจน์ (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ข้อหา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ฯ คนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม พร้อมคนจีน จำนวน 5 ราย ในความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวเดินทางและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ อ.เมือง จว.มุกดาหาร พร้อมยึดรถยนต์ 1 คัน
ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการจับกุมขบวนการขนคนจีน คดีนี้ จึงเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและพบความเชื่อมโยงไปยังคดีอื่นๆ จนนําไปสู่การจับกุมและเตรียมออกหมายจับอีกหลายราย ครั้งที่ 2 จับคนจีน 3 ราย เตรียมออกหมายจับคนไทย ที่ จว.กาฬสินธุ์ เมื่อประมาณปลายเดือน มิ.ย.66
โดย กก.สส.บก.ตม.4 จับกุมคนจีนจำนวน 3 ราย ข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ อ.กุฉินารายณ์ จว.กาฬสินธุ์ โดยคนจีนที่ถูกจับทั้งหมดให้การว่า ถูกบังคับ มาจากประเทศจีนให้ขึ้นรถยนต์ ซึ่งขับผ่านประเทศเวียดนาม ประเทศลาว ต่อมาเมื่อถึงประเทศไทยจึงหลบหนีจากรถยนต์ที่โดยสารมา เข้าขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน
คดีนี้รวบรวมพยานหลักฐานจนพบเส้นทางการเงินเพื่อจะเตรียมออกหมายจับผู้นําพาฯ ต่อไป ครั้งที่ 3 จับกุมคนไทย 1 ราย คนจีน 5 ราย ที่ จว.กำแพงเพชร เมื่อประมาณกลางเดือน ก.ค.66 โดย กก.สส.บก.ตม.4 จับกุมนายธวัชชัย (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ข้อหา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นฯ คนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม พร้อมด้วย คนจีน จำนวน 5 ราย ข้อหา
เป็นคนต่างด้าวเดินทางและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ อ.คลองขลุง จว.กําแพงเพชร พร้อมยึดรถยนต์ 1 คัน โดยคนจีนที่ถูกจับทั้งหมดให้การว่า ตนถูกหลอกลวงผ่านเว็บไซต์จัดหางานของประเทศจีน และเมื่อนัดพบกับเอเจนซี่ที่บริษัทไม่ทราบชื่อในประเทศจีน บางรายถูกมอมยาและถูกบังคับให้ขึ้นรถยนต์เพื่อพามายังชายแดนประเทศไทย
ซึ่งทั้ง 5 รายไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแต่อย่างใด คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามคนร้ายตั้งแต่สับเปลี่ยนรถกันที่ อ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา และติดตามมาจนสามารถจับกุมทีมขนคนจีนของ อ.แม่สอด จว.ตาก ได้ที่ อ.คลองขลุง จว.กําแพงเพชร จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบภาพกล้องวงจรปิด ข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์และเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้เพิ่มเติม
ครั้งที่ 4 จับกุมคนไทย 2 ราย คนจีน 5 ราย ที่ จว.พระนครศรีอยุธยา เมื่อประมาณต้นเดือน ส.ค.66 โดย กก.สส.บก.ตม.4 จับกุม นายนนทวัฒน์ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี และนายอชิรวิทย์ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ข้อหา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นฯ คนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม พร้อมคนจีน จำนวน 5 ราย ข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางและ เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ อ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมยึดรถยนต์ 1 คัน
โดยคนจีน ที่ถูกจับทั้งหมดให้การว่า ตนถูกหลอกให้มาทำงาน โดยทราบเพียงว่าสถานที่ทำงานเป็นบ่อนกาสิโนประเทศพม่า คดีนี้จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบความเชื่อมโยงทางการเงินและทางโทรศัพท์ชัดเจน เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม และครั้งที่ 5 จับกุมคนไทย 1 ราย คนจีน 2 ราย ที่ จว.หนองคาย เมื่อประมาณปลายเดือน ส.ค.66
โดย กก.สส.บก.ตม.4 จับกุมนายศักดิ์ศิริ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ข้อหา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นฯ คนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม พร้อมคนจีน จำนวน 2 ราย ข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ อ.เมือง จว.หนองคาย พร้อมยึดรถยนต์ 1 คัน
โดยคนจีนที่ถูกจับทั้งหมดให้การว่า ตนโดยสารรถยนต์มาจากประเทศกัมพูชาและใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน โดยมีจุดหมายปลายทางคือประเทศลาว ซึ่งแผนประทุษกรรมในครั้งนี้ไม่เหมือน 4 ครั้งก่อน เนื่องจากเป็นการขนคนจีนเพื่อเดินทางกลับประเทศจีน การทลายเครือข่ายขนคนจีนครั้งนี้ มีการจับกุมทั้งหมด 5 ครั้ง โดยจับคนไทยได้รวม 5 ราย คนจีน ได้รวม 20 ราย ซึ่ง กก.สส.บก.ตม.4 ได้รวบรวมข้อมูลการจับกุมและขยายผลทุกคดีให้อยู่ในรูปแบบของกลุ่มข้อมูล (DATA) และทำ DATA ANALYSIS วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทุกคดี
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ของ สตม. ที่ให้ขยายผลการจับกุมเครือข่ายขนคนจีนทุกคดี และเพื่อใช้เป็นข้อมูลกรณีมีการจับกุมในลักษณะเดียวกันอีก โดยอาจยังมี “ผู้สั่งการ” เป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันหรือเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายอื่นอีก ในเบื้องต้น
จากการจับกุมขยายผลเครือข่ายขนคนจีนในครั้งนี้ ได้รวบรวมข้อมูลส่งให้พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับคนไทยเพิ่มเติมอีก จำนวน 3 ราย ทั้งนี้ กก.สส.บก.ตม.4 จะดำเนินการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อจับกุมกลุ่มขบวนการขนคนจีนที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
2.สืบสวน ตม.1 บุกรวบหนุ่มมะกัน อาละวาดพังวิลล่าย่านภูเก็ต พบหนีหมายจับเข้ากรุง กก.สส.บก.ตม.1 จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงภูเก็ต จำนวน 1 ราย คือ นายจอห์น (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติอเมริกา ในความผิดฐาน ทำให้เสียทรัพย์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน จว.ภูเก็ต พฤติการณ์การกระทำความผิด
กล่าวคือ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับการประสานข้อมูลจาก ตม.จว.ภูเก็ต กรณี นายจอห์น สัญชาติอเมริกา ก่อเหตุเมาอาละวาด สร้างความเดือดร้อนรำคาญ และทำลายทรัพย์สินของที่พักแห่งหนึ่งที่ ต.กะรน อ.เมือง จว.ภูเก็ต จนได้รับความเสียหาย เจ้าของที่พักดังกล่าวจึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กะรน จว.ภูเก็ต ในความผิดฐาน ทำให้เสียทรัพย์
จากนั้นไม่สามารถติดตามตัวนายจอห์นได้ พนักงานสอบสวน สภ.กะรน จึงได้ขออนุมัติศาลแขวงภูเก็ตออกหมายจับนายจอห์น เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสืบสวนได้ทราบว่านายจอห์นหนีคดีที่ จว.ภูเก็ต มาพักอาศัยที่คอนโดแห่งหนึ่ง บริเวณซอยสุขุมวิท 11 เขตวัฒนา กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สืบสวนติดตามบริเวณที่พักดังกล่าว จนกระทั่งสืบทราบว่า นายจอห์นจะเดินทางมาที่อาคารไอทีสแควร์ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เพื่อขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักร
จึงเดินทางไปดักรอเพื่อตรวจสอบจนพบนายจอห์น ซึ่งมีรูปพรรณตรงตามหมายจับ กำลังยื่นเรื่องขออนุญาตอยู่ต่อกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เคาน์เตอร์ K จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับ นายจอห์นรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจริงและยังไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับและสิทธิให้ทราบ และจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3.จับหนุ่มอารีดัง OVERSTAY ก่อคดีในเมืองหลวงหนีกบดานพัทยา พบประวัติก่อคดีลักทรัพย์ในเกาหลี กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายซอนแจ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติเกาหลี ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด, หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ในความผิดฐาน ฉ้อโกง นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย สืบเนื่องจาก ผบก.สส.สตม. กำชับเร่งรัดให้กองกำกับการในสังกัดสืบสวนติดตามจับกุมคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาและก่อคดีในประเทศไทย
กก.1 บก.สส.สตม. ตรวจสอบพบว่านายซอนแจ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ช่วงค่ำของวันที่ 17 เม.ย.66 นายซอนแจได้ไปที่ร้านค้าแบรนด์เนมในศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ชั้น 1 ถ.พระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ แล้วลักกำไล แอร์เมส (Hermes) ไปจำนวน 1 วง ราคาประมาณ 20,000 บาท และนายซอนแจยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือ ในความผิดฐาน ฉ้อโกง
โดยมีพฤติการณ์กระทำผิดคือ นายซอนแจคุยกับผู้เสียหายเพื่อนคนไทย โดยใช้แอพพลิเคชันหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งรหัสธนาคารเพื่อจะถอนเงินในบัญชีของผู้เสียหายจากตู้เอทีเอ็ม เมื่อนายซอนแจถอนเงินออกมาแล้ว จำนวน 8,000 บาท นายซอนแจแจ้งกับผู้เสียหายว่า ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายซอนแจ
ต่อมา พนักงานสอบสวน ขออนุญาตศาลแขวงพระนครเหนือออกหมายจับนายซอนแจ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงสืบสวนติดตามตัวนายซอนแจ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่านายซอนแจ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ม.ค.66 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 (ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ 90 วัน) อนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 15 เม.ย.66 ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว โดยไม่ยื่นขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปอีก
และสืบสวนจนพบว่านายซอนแจพักอาศัย ในคอนโดมิเนียมย่าน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เฝ้าติดตามจนพบนายซอนแจ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่านายซอนแจอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมนายซอนแจส่งพนักงานสอบสวน สภ.พัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาหลังจากศาลจังหวัดพัทยา มีคำพิพากษาในคดี เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว จึงจับกุมนายซอนแจตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ทราบว่านายซอนแจมีประวัติก่อคดีลักทรัพย์ในเกาหลี โดยทางการเกาหลีจะส่งหนังสือ เพื่อนำนายซอนแจกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศเกาหลีต่อไป