เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2566 จากกรณีที่มีกระแสข่าว ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ขณะนี้ โดยว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สุทิน คลังแสง กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องความเหมาะสมในการทำหน้าที่ จากอดีตครู สู่กระทรวงคชสีห์ จะมีความสามารถพอหรือไม่ แต่ มีการเปิดเผยชื่อคณะที่ปรึกษา ซึ่งหาก พลิกดูรายชื่อ ที่ปรึกษา ซึ่งเจ้าตัวบอกผู้สื่อข่าวไว้ดูแล้วไม่ธรรมดา เพราะมีทั้งอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีตปลัดกระทรวงฯ และ อดีตแคนดิเดตผู้บัญชาการทหารอากาศและอดีตแม่ทัพภาค 4
พลเอก พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์วิดีโอคอล จากประเทศอังกฤษ เวลา 15.45 น. เวลาประเทศไทยประมาณเกือบสามทุ่ม ได้กล่าวว่า กรณีที่มีรายชื่อเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมนั้นตนเองยังไม่ได้มีการติดต่อหรือประสานแต่อย่างใดเชื่อว่าอยู่ในขณะเดินทางจากประเทศไทยมาที่ประเทศอังกฤษ จึงทำให้การสื่อสารติดขัด แต่ก็ต้องขอขอบคุณ ในมุมมองของตนเองนั้น ขอให้เป็นคนในกองทัพ เพราะว่า ตำแหน่งนี้ไม่เหมือนตำแหน่งอื่น ไม่เหมือนของกระทรวง ทบวงกรมอื่นๆแต่กระทรวงนี้ต้องเป็นคนที่มีความชำนาญเพราะตำแหน่งนี้เป็น ตำแหน่งที่ต้องให้คนในกองทัพต้องมีความเคารพนับถือ เพราะว่าการคุมการใช้กำลังต่าง ๆ มันก็จะคนละแบบกันกับการ ทำงานด้านอื่น ๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่เหมือนกันเลยต่างกันโดยสิ้นเชิง
ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษาฯ ที่เป็นกระแสข่าว ผมเองได้ทราบจากทางสื่อเท่านั้น ผมเองยังไม่มีการติดต่อโดยตรง ขณะนี้เดินทางมาประเทศอังกฤษที่วางกำหนดการไว้นานแล้ว ต้องมาส่งหลาน 2 คน ซึ่งเราเลี้ยงเข้ามาตั้งแต่เกิด ตายายก็ต้องมาส่งกัน เพราะคุณพ่อเขากมาไม่ได้ติดราชการ ขอยืนยัน ซึ่งตำแหน่งนี้จะเป็นใครก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นที่ยอมรับของคนในกองทัพ ถือว่าสำคัญที่สุดเป็นหัวใจหลัก จะเป็นใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นผม จะเป็นใครได้ทั้งนั้น ขอแค่ชื่อที่ออกมาในกองทัพก็โอเค ก็ถือว่าเหมาะสม เหตุเพราะว่าการปกครองในกองทัพ เราเป็นทหารมาทั้งชีวิต เรารู้ว่าทหารคิดอย่างไร อยู่ยังไง การที่เขาจะยอมรับ ต้องมีหลายเหตุหลายประการ แม้กระทั่งการออกรบ ผู้บังคับบัญชา ต้องได้รับความเชื่อมั่น และสามารถนำพวกเขาได้ หลายอย่างครับหลายสิ่งหลายอย่าง เครดิตความซื่อสัตย์ความตรงไปตรงมา หลายๆเรื่องครับ ใครก็ได้ครับ เพียงแต่ว่าจะต้องเป็นที่ยอมรับของพี่น้องในกองทัพ ถ้าเขารักเรา ไม่ยากเหรอครับในการที่จะทำงานในกองทัพ ขอเป็นเพียงให้มีความรัก ความซื่อสัตย์เท่านั้นนะครับ
ตำแหน่งกระทรวงนี้เป็นเรื่องของความมั่นคงในสังคม จะไม่เหมือนตำแหน่งในกระทรวงอื่น ไม่ใช่ว่าพลเรือนเป็นไม่ได้ ทหารจะต้องเป็นเท่านั้น ไม่ใช่นะครับ เพียงแต่ว่าขอให้คนในกองทัพเขายอมรับ ทุกอย่างก็จะราบรื่น ถ้าไม่ยอมรับก็ต้องสตาร์ทกันใหม่หมดนะครับ มันต้องเริ่มต้นกันใหม่หมด ซึ่งมันเสียเวลา มันควรจะเดินหน้าไปได้มากกว่านี้อีกเยอะแยะนะครับ บทเรียนที่ผ่านมาก็เยอะเหลือเกิน ควรจะจำไม่เอาสิ่งเหล่านี้มา โดยเฉพาะอย่าให้กองทัพรู้สึกว่าไม่สบายใจ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ กองทัพคือองค์กรที่มีความสำคัญยิ่งองค์กรหนึ่งในบ้านในเมืองเรา ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองเลือกตั้งใคร มาดำรงตำแหน่งนี้ก็ได้ ต้องถามกองทัพก่อน ว่าทางกองทัพมีความคิดอย่างไรเรื่องนี้ต้องคุยกันก่อน ไม่ใช่อยู่อยู่ก็มาตั้งกันเลย ต้องระวัง เพราะทหารเรานำกำลังออกรบ เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันไม่เหมือนอาชีพอื่น ชีวิตของเราตั้งแต่จอมพลถึงพลทหารมีค่าเท่ากันหมด ทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน และที่สำคัญการจงรักภักดี เขาถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของทหาร เพราะเราเองเป็นทหารรักษาพระองค์ เราเกิดมาและเราอยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะสถาบัน เพราะฉะนั้นความจงรักภักดีทหารนั้นต้องถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของทหาร ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงของปทุมธานีและพี่น้องในกองทัพ ทุกวันนี้ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้นแต่ก็มีความพร้อม เพราะหากจะทำอะไรให้มีประโยชน์กับประเทศชาติก็มีความพร้อม.
ภาพ/ข่าว สมาคมนักข่าวปทุมธานี