ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก และมีแนวทางให้ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ฝึกภาคปฏิบัติกับนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญารุ่นที่ 111 ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนทราบถึงความเดือดร้อนจากประชาชน ผู้เสียหายได้มีการสมัครแอปพลิเคชั่นหาเพื่อนต่างชาติและได้พบกับทางคนร้ายโดยทางคนร้ายได้มีการสนทนาต่อผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ คนร้ายได้มีการส่งลิ้งค์ของแอปพลิเคชันที่ใช้ในการลงทุนมาให้ผู้เสียหายเพื่อทำการสมัครเพื่อทดลองใช้โดยมีคนร้ายเป็นผู้สอนและผู้แนะนำในการลงทุน ชื่อแอปพลิเคชั่นที่คนร้ายใช้ มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 277,200 บาท
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. นำโดย พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังสืบนครบาล จับกุม
น.ส.ยุวดี เมรกูล อายุ24 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 55/16 หมู่ที่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรีที่ 98/2566 ลงวันที่ 29 มี.ค.2566 ฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกง” มีหมายจับติดตัวอีก 2 หมาย ได้แก่ หมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่จ.72/2566 ลงวันที่ 23 พ.ค.2566 ฐานความผิด “ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น” ของ สภ.เมืองสุรินทร์ และ หมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 26/2566 ลงวันที่ 26 เม.ย.2566 ฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ”ของ สภ.พรหมคีรี
พฤติการณ์ในการกระทำความผิดในคดีนี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 14.48 น.
ทางผู้เสียหายได้มีการสมัครแอปพลิเคชั่นหาเพื่อนต่างชาติและได้พบกับทางคนร้ายโดยทางคนร้ายได้มีการทักมาหาผู้เสียหายเพื่อทำความรู้จัก หลังจากนั้นได้มีการสนทนาต่อผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ซึ่งทางคนร้ายได้มีการชวนพูดคุยเกี่ยวกับการลงทุนในทรัพย์สินดิจิตอลและมีการชวนให้ร่วมลงทุนโดยแจ้งว่าหากทำการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่สูง ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 20.19 น. คนร้ายได้มีการส่งลิ้งค์ของแอปพลิเคชันที่ใช้ในการลงทุนมาให้ผู้เสียหายเพื่อทำการสมัครเพื่อทดลองใช้โดยมีคนร้ายเป็นผู้สอนและผู้แนะนำในการลงทุน ชื่อแอปพลิเคชั่นที่คนร้ายแนะนำชื่อ Hut. โดยขั้นตอนการสมัครจะต้องทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไปในระบบและถ่ายบัตรประชาชนของผู้เสียหายหลักจากได้รับอนุมัติจากระบบแล้วก็สามารถเริ่มการลงทุนได้ซึ่งก่อนการลงทุนหรือทำการซื้อขายคลิปโตเคอเรนซีจะต้องมีการโอนเงินเข้าไปในระบบโดยสกุลเงินที่ใช้ในการลงทุนในระบบจะเป็นสกุลเงิน USA. ต่อมาเมื่อทางผู้เสียหายได้ฟังคำชักชวนแล้วหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนเงินเข้าไปในระบบโดยทำการโอนเงินเข้าบัญชีขอผู้ต้องหา เลขที่บัญชี 020386543xxx ทั้งหมดจำนวน 4 ครั้ง ครั้งที่ 1โอนเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 18.31 น. เป็นจำนวนเงิน 57,600 บาท ครั้งที่ 2 โอนเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 19.55 น. เป็นจำนวนเงิน 30,600 บาท ครั้งที่ 3 โอนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ
14.59 น. เป็นจำนวนเงิน 102,600 บาท ครั้งที่ 4 โอนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 เป็นจำนวนเงิน 86,400 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 277,200 บาท
เมื่อผู้เสียหายต้องการจะทำการถอนเงินออกจากการลงทุน ทางแอปพลิเคชัน Hut(คนร้าย)แจ้งว่าไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ เนื่องจากเงินที่ผู้เสียหายต้องการถอนมีจำนวนยอดเงินที่เยอะังนั้นหากต้องการที่จะถอนเงินดังกล่าวจะต้องมีการชำระค่าธรรมเนียมหรือค่าภาษีให้กับระบบก่อนจึงจะสามารถถอนเงินต้นและกำไรออกจากระบบได้ซึ่งวิธีการชำระจะต้องมีการโอนเงินเพิ่มเข้าไปในระบบเพื่อทำการชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว (ลักษณะหลอกให้โอนค่าธรรมเนียมหรือโอนค่าภาษีให้เรื่อยๆ)ภายหลังผู้เสียหายทำการตรวจสอบจึงเชื่อว่าการลงทุนหรือซื้อขายคลิปโตดังกล่าวไม่มีอยู่จริงจึงได้นำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหาในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกง
ที่มีส่วนช่วยเหลือและคนร้ายโดยการให้นำบัญชีไปใช้โดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โดยผู้ต้องหาหลบหนีซ่อนตัว จนกระทั่งทีมสืบสวนของพ.ต.ท.พิทักษ์ฯ อำพรางเป็นคนส่งของไปส่งเค้กในวันคล้ายวันเกิดให้ผู้ต้องหา เพราะสืบทราบมาว่าในวันที่ 23 ส.ค. จะครบรอบวันเกิด จึงได้วางแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยหมายจับ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ดำเนินคดีต่อไป
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ก่อนหน้านี้ได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีคนพาไปเปิด แต่ตนไม่รู้จักว่าเป็นใคร เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา และออมสิน ได้ค่าจ้างบัญชีละ 500 บาท และไม่ยอมให้การใดๆ
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน