ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตั้งประเด็น ‘เบนซ์ เรซซิ่ง’ ถือครองทรัพย์สินแทนเครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ ซึ่งหากพบหลักฐานมัดตัว จะมีความผิดทั้งยึดทรัพย์ และจำคุก
นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ชี้แจงสื่อมวลชน หลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ บช.ปส. เป็นเวลานานกว่า 5 ชั่วโมง หลังตกเป็นข่าวพัวพันกับการฟอกเงิน ในเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อค้ายาเสพติดชาวลาว เป็นเหตุให้ถูกบุกค้นบ้านพักในซอยอินทามระ 51 และนำไปสู่การยึดรถยนต์แลมโบกินี่ ทะเบียน กจ-51 กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อีก 2 คัน ในปฎิบัติการ ‘ชัยยะสยบไพรี 60/2’ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายอัครกิตติ์ ให้การถึงที่มาของรถแลมโบกินีว่า ได้ยืมเงินสดจากนายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย บิ๊กไบค์ หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายนายไซซะนะ จำนวน 6 ล้านบาท เพื่อนำไปดาวน์รถ และคืนเงินจำนวนนี้ไปแล้วบางส่วน พร้อมยอมรับว่า สนิทกับนายณัฐพล เพราะชอบเรื่องความเร็ว และการแต่งรถเช่นกัน ยืนยันไม่รู้ว่า นายณัฐพล เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ขณะที่ข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ พบว่า รถแลมโบกินี่ เป็นทรัพย์สินของนายณัฐพล แต่ให้นายอัครกิตติ์เป็นผู้ครอบครองแทน นอกเหนือจากเงิน 6 ล้านบาทแล้ว ตั้งแต่นายอัครกิตติ์ ซื้อรถแลมโบกินี่ นายณัฐพล ยังโอนเงินให้นายอัครกิตติ์อีกเดือนละ 300,000 บาท สำหรับผ่อนรถ โดยรถคันนี้ดังกล่าว จะอยู่กับนายอัครกิตติ์ตลอดเวลา เว้นแต่นายไซซะนะ มาเที่ยวเมืองไทย นายณัฐพล ก็จะมาเอารถไปให้นายไซซะนะใช้งาน
หากข้อมูลสืบสวนของตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นความจริง เท่ากับว่านายอัครกิตติ์ จะต้องตกเป็นผู้ต้องหาทันที ตามความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย ทั้งนี้ การทลายเครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด เนื่องจากข้อมูลของตำรวจปราบปรามยาเสพติด พบว่า ยังมีบุคคลในแวดวงชั้นสูง และดารานักแสดง เกี่ยวข้องอีกหลายคน
ภาพข่าวจาก: Voice News