สืบนครบาลสกัดยาบ้าคาปั๊มน้ำมัน ถนนสายเอเชีย จังหวัดสิงห์บุรี ก่อนเข้ากรุงเทพฯ ใช้เวลากว่า 2 เดือนจับตาพฤติกรรม พ่อเลี้ยงกาน แม่อาย เชียงใหม่ เจ้าของอู่แต่งรถซิ่ง โมดิฟายรถแข่ง อำพรางยาบ้า 1.18 ล้านเม็ดซุกซ่อนอยู่ในลังบรรจุเครื่องปั่นไฟ ที่มีการแปลงสภาพถอดเครื่องและอุปกรณ์ปั่นไฟออก คงเหลือแต่ Case หุ้ม บรรทุกหลังรถยนต์กระบะ การลักลอบขนยาเสพติดทุกครั้งจะทำงานเพียงคนเดียวโดยใช้รถที่ตนเองโมดิฟายความเร็ว รถยนต์ของเจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาลพังไป 1 คันเพราะพยายามทำความเร็วสู้คนร้าย และตามยึดทรัพย์สินผู้ต้องหากว่า 10 ล้านบาท
ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามและเป็นหนึ่งในปัญหาชาติที่สำคัญ ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง จึงมอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ลงมาให้ความสำคัญด้วยตนเอง
เมื่อวันที่ 11-13 สิงหาคม 2566 พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตร. (ผอ.ศอ.ปส.ตร.),พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.สําเริง สวนทอง รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศอ.ปส.ตร.,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ,พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ รายสำคัญ ให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดแพร่กระจายลงพื้นที่ตอนใน และกระจายสู่ชุมชนพื้นที่กรุงเทพฯ
จนกระทั่งทำการจับกุมตัว นายจิรศักดิ์ หรือกาน บุญชัย อายุ 42 ปี ที่อยู่ 59 ม.5 ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 1,181,200 เม็ด,รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนด์ ทะเบียน งต 2112 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน พร้อมตามตรวจยึดทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็น รถยนต์ จำนวน 11 คัน และ รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน
โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อันเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” โดยสามารถจับกุมได้บริเวณภายในปั้มน้ำมันปตท.หงษ์ชวลิต สิงห์บุรี ติดถนนสายเอเชีย ต.บางมัญ อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี
โดยพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือ สืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ จำนวนหลายคดีอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้สืบสวนขยายผลเรื่อยมา จนสืบทราบว่ามีบุคคลลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือเพื่อมาจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ฉายา “พ่อเลี้ยงกาน” ทราบชื่อภายหลังคือ นายจิรศักดิ์ บุญชัย อายุ 42 พักอาศัย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ต่อมาวันที่ 11 ส.ค.2566 จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนด์ ทะเบียน งต 2112 เชียงใหม่ ของนายจิรศักดิ์ฯ พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. จึงได้รายงานให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และผู้บังคับบัญชาทราบและได้สั่งการให้นำกำลังไปเฝ้าและวางกำลังในเส้นทาง ต่อมา พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนด์ ทะเบียน งต 2112 เชียงใหม่ ผ่านบริเวณ ถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มุ่งหน้าขาเข้ากรุงเทพมหานคร จึงได้ติดตามและสามารถให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุดจอดได้ที่บริเวณปั้มน้ำมัน ป.ต.ท.หงษ์ชวลิต สิงห์บุรี ติดถนนสายเอเชีย ต.บางมัน อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว
ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ ยาบ้า ของกลางซุกซ่อนอยู่ในลังบรรจุเครื่องปั่นไฟ ยี่ห้อ BISON รุ่น DG–6700 418 CC ที่มีการแปลงสภาพถอดเครื่องและอุปกรณ์ปั่นไฟออก คงเหลือแต่ Case หุ้ม จำนวน 2 ลัง บรรทุกหลังรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนด์ ทะเบียน งต 2112 เชียงใหม่ จึงได้ทำการจับกุม พร้อมขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ล้านบาท
สอบถามผู้ต้องหาให้การว่าตนเปิดอู่แต่งรถ เพื่อโมดิฟายรถแข่ง และในการลักลอบขนยาเสพติดทุกครั้งจะทำงานเพียงคนเดียวโดยใช้รถที่ตนเองโมดิฟายความเร็วแล้ว จะใช้วิธีนำยาเสพติดมาอำพรางด้วยการซุกซ่อนไว้ในอุปกรณ์ต่างๆ บรรทุกท้ายรถยนต์กระบะ ก่อนลำเลียงลงไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หรือปริมณฑล ภายหลังจากถูกจับกุมพร้อมของกลาง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้เร่งรัดทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ รายสำคัญ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดแพร่กระจายสู่ชุมชน พื้นที่ กทม. และปริมณฑล ผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลกว้างขวางในพื้นที่ และรับว่าในแต่ละครั้งตนจะขนยาเสพติดเพียงคนเดียวเพื่อไม่ต้องแบ่งเงินกับใคร เห็นว่าเป็นรายได้ที่ดีมาก แต่อย่างใรก็ตามเมื่อถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ไม่มีใครที่จะรอดจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แม้จะเก่งแค่ไหนก็ตาม
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน